เหตุผล 5 ประการที่ทำให้ผมรักวันอาทิตย์
เช้าตรู่วันอาทิตย์ ผมเดินเข้าไปในห้องนอนของลูกสาววัยสองขวบแล้วอุ้มเธอขึ้นจากเตียง เธองัวเงียขณะที่ผมอุ้มเธอไปที่โต๊ะเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมกระซิบกับเธอว่า “ลูกสาวครับ วันนี้เราจะไปโบสถ์กัน”
ดวงตาของเธอเป็นประกาย เธอหายใจเฮือกใหญ่ และตะโกนว่า “สก็อตตี้ เอลิเซ่ วิลเลียม โรวัน” ผมตอบว่า “ใช่แล้ว หนูจะได้เจอเพื่อนๆ ของหนูวันนี้” “พ่อคะ หนูชอบโบสถ์!” เธอพูด “หนูน้อย พ่อรู้ พ่อก็ชอบเหมือนกัน”
แน่นอนว่าลูกสาวของผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงพบกันเป็นประจำในฐานะคริสตจักรท้องถิ่น แต่เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก เธอได้ลิ้มรสความหอมหวานเมื่อคริสเตียนมารวมตัวกันเพื่อนมัสการ
ทำไมผมถึงรักวันอาทิตย์
ผมมีคำพูดติดปากมาหลายปีว่าผมรักวันอาทิตย์ที่สุดเมื่อเทียบกับวันอื่นๆ ในฐานะศิษยาภิบาล ผมพูดเรื่องนี้กับที่ประชุมหลายครั้ง แล้วทำไมผมถึงรักวันอาทิตย์น่ะหรอ? เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก เพราะวันอาทิตย์เป็นวันที่ผมได้นมัสการกับครอบครัวในพระคริสต์ ได้นมัสการร่วมกับเพื่อนๆ ที่ผมรัก เพื่อนๆ ที่รักพระเจ้าที่ผมรัก
แน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องมีเวลาหรือพื้นที่เฉพาะเพื่อนมัสการ เราสามารถอธิษฐานคนเดียวได้ เราสามารถอ่านพระคัมภีร์ได้ด้วยตัวเอง เราสามารถมีส่วนร่วมในวินัยฝ่ายวิญญาณที่มีประโยชน์ต่างๆ ได้เพียงลำพัง
แต่ถึงอย่างนั้น มันยังมีองค์ประกอบหลายอย่างของชีวิตคริสเตียนที่คุณไม่สามารถทำได้โดยลำพัง ดอน วิทนีย์กล่าวไว้ดังนี้: “ศาสนาคริสต์ไม่ใช่ศาสนาที่นับถือลัทธิโดดเดี่ยว… มีองค์ประกอบของการนมัสการในศาสนาคริสต์ที่ไม่สามารถสัมผัสได้ในการนมัสการส่วนตัวหรือโดยการรับชมการนมัสการ” (Spiritual Disciplines for the Christian Life, 43–44) นี่คือเหตุผลที่ผู้เขียนฮีบรูแนะนำให้เราให้ความสำคัญกับการมารวมตัวกัน (ฮีบรู 10:24–25)
การรวมตัวกันนมัสการในวันอาทิตย์ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคริสเตียนมาเป็นเวลานาน การรวมตัวกันถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคริสเตียนยุคแรกสุด (กิจการ 20:7; 1 โครินธ์ 16:2; วิวรณ์ 1:10) และมีความสำคัญต่อคริสเตียนรุ่นที่สองและสามเช่นกัน (Didache 14.1; First Apology of Justin Martyr 67)
ผมรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่คริสเตียนสมัยนี้จำนวนมากมารวมตัวกันทุกวันอาทิตย์เพื่อนมัสการและสามัคคีธรรม แต่ผมกังวลว่าผู้เชื่อจำนวนมากขาดความกระตือรือร้น และไปโบสถ์เพียงเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ ผมปรารถนาให้ประชากรของพระเจ้าตั้งตารอความอ่อนหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของการรวมตัวของคริสเตียนอย่างกระตือรือร้น สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า ผมรักวันอาทิตย์และนี่คือเหตุผลห้าประการที่ผมคิดว่าทำไมผมถึงคิดว่าคุณควรรักวันอาทิตย์เช่นเดียวกัน
1. เราได้ลิ้มรสชาติแห่งพระสิริ
ผมรักวันอาทิตย์เพราะมันทำให้ผมได้เห็นภาพของเมืองเยรูซาเล็มใหม่อย่างชัดเจนที่สุด
วันหนึ่งพระคริสต์จะกลับมาและเราจะอยู่ด้วยกันในเมืองเยรูซาเล็มใหม่ ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพระสิริเมื่อเราคิดถึงเมืองนี้ เราอาจคิดถึงภูมิศาสตร์หรือสถานที่ ถนนที่ทำด้วยทองคำหรือสิ่งก่อสร้างที่ทำจากโกเมน แต่เรากำลังพลาดประเด็นหลัก
สิ่งที่สำคัญของเมืองเยรูซาเล็มใหม่คือ เมืองนี้เป็นชุมชนของผู้คนที่ได้รับความสมบูรณ์โดยพระราชกิจของพระคริสต์ ผู้คนที่ชื่นชมความยิ่งใหญ่และความงดงามของพระองค์ด้วยกัน เมื่อวันนั้นมาถึง ประชากรของพระเจ้าทั้งหมดจะถูกรวบรวมไว้ด้วยกันตลอดกาล เราจะอยู่ร่วมกันด้วยความปรองดองอย่างสมบูรณ์แบบ ชื่นชมยินดีซึ่งกันและกัน และยกย่องพระคริสต์ร่วมกันตลอดไป
คริสตจักรท้องถิ่นทำให้เราเห็นตัวอย่างของภาพนี้ทุกวันอาทิตย์ เมื่อเรารวมตัวกัน เราจะมองเห็นอนาคตที่จะเกิดขึ้น เราอาจยังไม่สมบูรณ์แบบโดยพระคริสต์แต่เรากำลังถูกทำให้สมบูรณ์แบบ (โรม 8:29; 2 โครินธ์ 3:18) ในทุกวันอาทิตย์ คริสตจักรจะเป็นเหมือนพระเยซูมากกว่าการรวมตัวกันในสัปดาห์ที่แล้วเล็กน้อย และถ้าพระเจ้าของเราอนุญาต เราจะเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นอีกหน่อยในสัปดาห์หน้า
ในแต่ละสัปดาห์ผมได้เห็นภาพของพระสิริที่กำลังจะมาถึงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในพันธสัญญาเดิม หากมนุษย์ต้องการอยู่ใกล้ที่ประทับของพระเจ้า เขาจะไปที่พลับพลา (หรือต่อมาคือพระวิหาร) พลับพลาเป็นที่ประทับของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก แต่วันนี้พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับคริสตจักรของพระองค์ Richard Sibbes นักเขียนพิวริตัน กล่าวว่าคริสตจักรคือ “พลับพลาในเวลานี้” ในยุคนี้ “คริสตจักรท้องถิ่นที่เฉพาะเจาะจงที่มีศิษยาภิบาลเป็นผู้ดูแล ที่ซึ่งหนทางสู่ความรอดได้ถูกจัดตั้งขึ้น ปัจจุบันคริสตจักรท้องถิ่นที่เฉพาะเจาะจงเหล่านี้เป็นที่ประทับของพระเจ้า” (A Breathing After God, 54)
2. เราได้เห็นการแสดงออกของของประทานฝ่ายวิญญาณ
ผมชอบวันอาทิตย์เพราะผมได้เห็นการแสดงออกของของประทานฝ่ายวิญญาณจากพระเจ้า
พระเจ้าประทานของประทานฝ่ายวิญญาณแก่คริสเตียนแต่ละคน (โรม 12:6; 1 โครินธ์ 12:7; 1 เปโตร 4:10) และพระองค์ทรงประสงค์ให้พวกเขาใช้ของประทานเพื่อเสริมสร้างกายของพระคริสต์ ของประทานฝ่ายวิญญาณบางอย่างแสดงออกมาในบริบทที่ไม่เป็นทางการ แต่ของประทานส่วนใหญ่นั้นแสดงออกมาชัดเจนที่สุดในบริบทของการนมัสการร่วมกัน
เมื่อผมเดินเข้าไปในอาคารคริสตจักรของเรา และได้รับการต้อนรับจากจอยซ์ ผมได้เห็นของประทานในด้านการต้อนรับด้วยความยินดีของเธอ ขณะที่การ์เร็ตต์นำทีมนมัสการของเรา ผมเห็นของประทานในด้านการปลุกใจของเขา เมื่อลูกๆ ของเราเข้าชั้นเรียนรวี ผมเห็นของประทานในด้านการสอนของจิม เมื่อการนมัสการของเราดำเนินไปอย่างราบรื่น ผมเห็นของประทานในการบริหารจัดการของฟิล หลังการนมัสการ เมื่อผมพูดคุยในห้องโถงกับสมาชิกคริสตจักรของเรา และพวกเขาเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับอาหารมากมายที่พวกเขาได้รับในสัปดาห์นั้น ผมเห็นของประทานแห่งความเมตตาและการให้
วันอาทิตย์ไม่ใช่วันเดียวที่ของประทานฝ่ายจิตวิญญาณถูกใช้งาน
แต่วันอาทิตย์เป็นวันที่ผมได้เห็นของประทานเหล่านั้นถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนที่สุด
3. เราได้ฟังคำสอนที่จำเป็นอย่างมาก
ผมรักวันอาทิตย์เพราะผมชอบฟังพระคำของพระเจ้าที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสัตย์ซื่อโดยศิษยาภิบาลผู้ที่รู้จักและรักคริสตจักรของเขา
พระเจ้าประทานของขวัญแก่คริสตจักรของพระองค์โดยการมอบอาจารย์มารับใช้และเป็นพระพรแก่พระกายของพระคริสต์(เอเฟซัส 4:11–12) ดังที่วิทนีย์เขียน
“การอ่านพระคัมภีร์และการเทศนาเป็นใจกลางของการนมัสการในที่สาธารณะเพราะเป็นการนำเสนอพระเจ้าอย่างชัดเจนที่สุด ตรงที่สุด และครอบคลุมมากที่สุดในการรวมตัวกัน” (Spiritual Disciplines, 42)
แน่นอนว่าเราสามารถได้รับคำสอนที่ดีในบริบทอื่นๆ ได้แต่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับคำเทศนาโดยศิษยาภิบาลในคริสตจักรของคุณ ซึ่งถูกปรับแต่งมาอย่างพิถีพิถันให้สำหรับคริสตจักรของคุณโดยเฉพาะ
ผมได้พูดคุยกับศิษยาภิบาลหลายท่านในเรื่องที่ว่า ความสัมพันธ์กับสมาชิกในคริสตจักรส่งผลต่อคำเทศนาของพวกเขาอย่างไร บ่อยครั้งระหว่างที่อาจารย์เหล่านี้กำลังเตรียมคำเทศนา ใบหน้าของสมาชิกคริสตจักรของพวกเขามักจะลอยขึ้นมาทำไมน่ะหรอ? ก็เพราะว่าศิษยาภิบาลรู้จักสมาชิกของตนเอง เขารู้เรื่องราวของสมาชิก เขารู้ถึงการดิ้นรนและการล่อลวงที่สมาชิกกำลังเผชิญ ความรู้เกี่ยวกับสมาชิกเหล่านี้หล่อหลอมคำเทศนาที่ถูกออกแบบมาเพื่อสมาชิกของเขาโดยเฉพาะคำ
สอนที่ซื่อสัตย์จากศิษยาภิบาลผู้ที่รู้จักและรักผู้คนของเขาเป็นอาหารที่มีประโยชน์มากที่สุดที่ผู้เชื่อจะสามารถบริโภคได้
4. เราได้เติบโตฝ่ายวิญญาณ
ผมรักวันอาทิตย์เพราะผมได้เติบโตทางวิญญาณอย่างมากในวันอาทิตย์
การเติบโตฝ่ายวิญญาณเกิดขึ้นโดยพระวิญญาณของพระเจ้าเราไม่สามารถควบคุมหรือสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไรก็ตาม การเติบโตฝ่ายวิญญาณเกิดขึ้นบ่อยที่สุดและเกิดขึ้นอย่างแรงกล้าที่สุด ในช่วงเวลาที่เราเผชิญหน้ากับความดีงามและความงดงามของพระคริสต์ ดังนั้นถ้าเราตั้งใจพาตัวเองไปในสถานที่ที่เรามีแนวโน้มที่จะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเยซูมากขึ้น เราก็มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะได้เติบโตฝ่ายวิญญาณ
เพราะฉะนั้น เราร้องเพลง เราฟังคำพยาน เราสารภาพบาป เราเพลิดเพลินในข่าวประเสริฐเราได้เรียนรู้คำสอนที่สัตย์ซื่อ และเรามีส่วนร่วมในศาสนพิธีการบัพติศมาและการเข้าร่วมศีลมหาสนิท ไม่มีช่วงเวลาไหนอีกแล้วที่เราจะได้มีส่วนร่วมในสิ่งเหล่านี้มากไปกว่าช่วงเวลาที่คริสเตียนมารวมตัวกันในวันอาทิตย์
5. เราได้จดจำว่าเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
ผมชอบวันอาทิตย์เพราะวันอาทิตย์ ถ้าเตือนผมว่ามีคนอีกหลายคนที่เชื่อในสิ่งที่ผมเชื่อและติดตามผู้ซึ่งผมติดตาม
อาจจะมีความท้าทายและโดดเดี่ยวเข้ามาในชีวิต ความกังวลในโลกนี้มีศักยภาพที่จะทำให้เราหมดเรี่ยวแรงและในสังคมที่มักจะเฉลิมฉลองความชั่วร้ายและเชื่อในเรื่องโกหก มันอาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนคุณเป็นคนบ้าในระหว่างอาทิตย์ แต่ในวันอาทิตย์เมื่อผมรวมตัวกับผู้เชื่อเพื่อนมัสการ ผมรู้สึกได้ว่าผมไม่ได้อยู่เพียงลำพัง และผมรู้สึกว่าผมได้รับการเติมพลัง
ในพันธสัญญาเดิม เอลียาห์ประสบกับความท้อแท้และความทุกข์ใจอย่างสุดซึ้ง เขารู้สึกโดดเดี่ยวราวกับว่าเขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในอิสราเอลที่ยังคงรับใช้พระเจ้า แต่พระเจ้ายืนยันกับเอลียาห์ว่ายังมีคนอีกเจ็ดพันคนที่นมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และเขาก็ได้รับกำลังใจอย่างมาก (1 พงศ์กษัตริย์19:18) สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นภายในตัวเราเมื่อเรารวมตัวกัน เราได้รับการหนุนใจ และการเสริมกำลังอย่างมาก
ใกล้จะถึงวันอาทิตย์แล้ว
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด ยังมีเหตุผลที่ดีและถวายเกียรติแก่พระเจ้าอีกหลายประการที่ทำให้เราตั้งตารอการนมัสการในวันอาทิตย์อย่างใจจดใจจ่อ
พระเจ้าทรงเทพระพรอันงดงามมากมายแก่ผู้ที่มารวมตัวกันอย่างสัตย์ซื่อกับคริสตจักรท้องถิ่นของตน การคิดถึงพระพรเหล่านี้ในขณะนี้ มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นและตั้งตารอคอยวันอาทิตย์มากยิ่งขึ้นไปอีก
สรรเสริญพระเจ้าที่วันอาทิตย์ใกล้เข้ามาแล้ว!
โดย เคนเนธ อี. ออร์ติซ
English version: “The Best Day of the Week: 5 Reasons I Love Sundays” by Kenneth E. Ortiz