หนึ่งในคำถามที่สำคัญที่สุดเท่าที่จะมีคนถามได้คือ ต้องเชื่ออะไร ถึงจะรอด? และนี่เป็นคำถามที่มีคนถามอาจารย์จอห์นเมื่อสองสามปีที่แล้วในช่วงการตอบคำถาม อาจารย์จอห์นตอบแบบนี้ว่า
เปาโลบอกว่า “จงเชื่อในองค์พระเยซูเจ้า แล้วท่านกับครัวเรือนของท่านจะได้รับความรอด” (กิจการ 16:31) ท่านบอกว่า “ถ้าท่านยอมรับด้วยปากของท่านว่า “พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” และเชื่อในใจของท่านว่าพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย ท่านก็จะได้รับความรอด” (โรม 10:9)
ดังนั้น ผมก็จะยกข้อพระคัมภีร์ประมาณนี้มาแล้วบอกว่าคุณต้องเริ่มต้นจากที่ใจความสำคัญนี้ คือที่ความตายของพระเยซู พระองค์ตายเพื่อบาปของเรา ซึ่งหมายความว่าผมต้องเชื่อก่อนว่าผมเป็นคนบาป คนที่ไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนบาปจะไม่สามารถรับการช่วยให้รอดได้ เพราะถ้าไม่มีอะไรต้องยกโทษให้ พระเยซูก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อผม ถ้าพระองค์ไม่ได้ทำอะไรเพื่อผม ผมก็ไม่ได้เชื่อในพระองค์เพื่อจะรอด และถ้าผมไม่ได้เชื่อในพระองค์เพื่อจะรอด ผมก็ไม่ได้รับความรอด ดังนั้น คุณต้องเชื่อก่อนว่าคุณเป็นคนบาป
คุณต้องเชื่อด้วยพระเจ้าได้สร้างความเป็นไปได้ที่จะเกิดความบาปขึ้น นั่นหมายความว่า ความบาปแค่หมายถึงการผิดไปจากความคาดหวังของพระผู้สร้างของคุณเท่านั้น ดังนั้น จะต้องมีพระเจ้าพระผู้สร้างที่คาดหวังให้มนุษย์วางใจในพระองค์ รักพระองค์ และมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ อยู่จริง และเราก็ทำไม่ได้ตามความคาดหวังนั้น
และดังนั้น เราจึงอยู่ภายใต้การลงโทษและพระพิโรธที่บริสุทธิ์ของพระเจ้า คุณต้องเชื่อสิ่งนี้ ถ้าคุณเป็นคนบาปและพระเจ้าผู้บริสุทธิ์มีอยู่จริง และคุณก็บอกว่าความบาปหมายถึงการหล่นจากมาตรฐานนั้น ดังนั้น เพื่อที่จะเข้าใจว่าพระองค์กำลังทำอะไรเพื่อแก้ปัญหานั้น คุณต้องเข้าใจก่อนว่าพระเจ้าโกรธต่อสิ่งนั้น พระเจ้ายุติธรรม พระองค์คือผู้พิพากษาที่ดี
ดังนั้น พระองค์ได้ทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาที่เราเถลไถลไปจากพระองค์บ้าง? พระองค์ก็ส่งพระบุตรของพระองค์ลงมาในโลก คุณต้องเชื่อในความเป็นพระเจ้าของพระเยซู สดุดี 49:7 บอกว่าไม่มีมนุษย์คนไหนที่สามารถไถ่ชีวิตของมนุษย์อีกคนได้ และไม่กี่ข้อถัดจากนั้นก็บอกว่าพระเจ้าจะทรงเป็นผู้ไถ่ (สดุดี 49:15) ถ้าแบบนั้น พระองค์ก็ไม่สามารถใช้ยอห์น หรือเปโตร หรือเปาโลให้มาตายแทนเราได้ พระองค์ต้องให้มนุษย์ที่เป็นพระเจ้ามาตายแทนเรา ดังนั้น ความเป็นพระเจ้าของพระเยซูจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
หลังจากนั้นพระองค์ได้ทำอะไร? พระองค์ก็ใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ คุณไม่สามารถเชื่อว่าพระเยซูเคยทำบาปแล้วก็ยังรอดได้ ไม่ใช่แน่ๆ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็หมายความว่าเครื่องบูชาที่ถูกถวายเพื่อคุณผิดไปจากข้อกำหนด และคุณก็ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่พระเจ้าได้ทำเพื่อคุณ ดังนั้น พระเยซูคริสต์คือพระบุตรของพระเจ้าผู้ไม่มีบาป และเดี๋ยวนี้ได้สละชีวิตเพื่อตายแทนผม นั่นคือการตายแทนของพระคริสต์ที่ตายเพื่อบาปของผม และมีหลายวิธีที่พูดถึงเรื่องนี้ในพระคัมภีร์ และผมก็คิดว่าแม้คุณจะสับสนกับเรื่องบางเรื่องพวกนี้มากๆ คุณก็ยังรอดอยู่
ผมไม่ได้จะมาให้ลิสต์ของวิธีต่างๆ ที่พระคัมภีร์พูดถึงเรื่องนั้นและบอกว่าคนๆ หนึ่งสามารถรู้สึกสับสนได้แค่ไหนถึงยังรอดได้ เอาเป็นว่า พระเยซูคริสต์คือใจความสำคัญของการแก้ปัญหาของข่าวประเสริฐนั้น คือพระบุตรของพระเจ้าที่ไม่เคยทำบาป ผู้ยืนอยู่ในที่ของผมและรับความโกรธของพระเจ้าแทนผม และตายแทนผม หากพระองค์ยังคงหลับอยู่ในความตาย เราก็จะยังคงอยู่ในบาปของเราอยู่ ดังนั้น เราต้องเชื่อว่าพระองค์ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้ว
ผมอยากบอกว่านั่นแหละคือองค์ความรู้ที่มาพร้อมกัน คุณอาจจะสามารถหยิบเอาสิ่งที่มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสิ่งที่คิดว่าผมจะเห็นด้วยมาให้ผมพิจารณาก็ได้ แต่ถ้าจะมีสักคนมาถามผมว่า “ฉันต้องเชื่ออะไร?” ผมก็จะบอกว่า “มีกลุ่มความรู้ของเรื่องต่างๆ ที่คุณจำเป็นต้องทำความรู้จักเกี่ยวกับตัวคุณเอง เกี่ยวกับพระเจ้า และเกี่ยวกับไม้กางเขน”
อ้อและก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมก็ถือว่าตรงนี้ได้มีความเชื่อเกิดขึ้นแล้ว เพราะคนที่ถามก็ถามว่า “ต้องเชื่ออะไร?” แต่คุณต้องมีความเชื่อบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ หมายความว่าความเชื่อคือสิ่งที่จำเป็นต้องมี คราวนี้ถ้าคุณจะบอกว่า “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจหมดแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังจะทำสิ่งดีต่างๆ เพื่อที่พระเจ้าจะได้ยอมให้การงานนั้นถูกนับว่าเป็นของฉัน ฉันจะรักษากฎแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์เพื่อที่ทุกการงานแห่งการไถ่นี้จะถูกนับว่าเป็นของฉัน” คุณก็เข้าใจผิดแล้ว และคุณยังไม่รอด
สิ่งที่ความรอดเรียกร้องให้คุณเชื่อคือการที่พระเจ้าได้ทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำไปแล้ว แทนที่จะทำบางอย่างเพื่อจะได้ความรอด เราก็เปลี่ยนเป็นยอมรับความรอดนี้แทน “ส่วนคนทั้งปวงที่ยอมรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า” (ยอห์น 1:12) ดังนั้น ผมถึงคิดว่า ความจริงต่างๆ เหล่านี้ คือความบาป พระเจ้า ไม้กางเขน ความเชื่อ ได้สรุปสาระสำคัญนี้ไว้หมดแล้ว
อาจารย์จอห์นครับ เพื่อความต่อเนื่อง ผมขอถามต่อว่า “คนๆ หนึ่งต้องเข้าใจเรื่องตรีเอกานุภาพก่อนจึงจะรอดได้ใช่ไหม?” และนี่คือคำตอบของอาจารย์
“พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้จักคำนี้เลย เขาไม่จำเป็นต้องสามารถสื่อสารสิ่งนี้ออกมาได้อย่างดีด้วย แต่สิ่งที่เขาต้องทำคือไม่ปฏิเสธความจำเป็นของสิ่งนี้ ดังนั้น คนๆ หนึ่งอาจไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับตรีเอกานุภาพแต่เขาก็รอดได้ แต่หากคุณถามพวกเขาว่า “พระเยซูที่คุณกำลังเชื่ออยู่นั้น พระองค์เป็นพระเจ้าหรือเป็นแค่มนุษย์?” หากเขาบอกว่าพระองค์ไม่ใช่พระเจ้า ผมคิดว่านั่นคือปัญหาใหญ่ เพราะฉะนั้น ผมจะบอกว่าต่อให้ผมไม่ได้ใช้คำว่าตรีเอกานุภาพ ผมก็กำลังพูดถึงนัยสำคัญและบางส่วนขององค์ตรีเอกานุภาพอยู่ดี
คราวนี้ ผมไม่คิดว่าคนๆ หนึ่งต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ถึงจะสามารถรอดได้ เอ้ ความคิดนี้มันสุดโต่งเกินไปไหม? ผมว่าไม่นะ ถ้าหากคุณเคยถูกสอนเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์และสิ่งที่ทรงทำเพื่อคุณมาแล้ว และคุณก็บอกว่า “ไม่สิ ไม่มีทาง ผมไม่เชื่อเรื่องพวกนั้นหรอก ผมไม่เชื่อหรอกว่าจำเป็นต้องให้พระวิญญาณมาช่วยผมให้รอด” ถ้าอย่างนั้นผมก็จะเริ่มสงสัยในความรอดของคุณแล้ว แต่ โธ่ ผมใช้เวลาตั้งห้านาทีเพื่ออธิบายข่าวประเสริฐและผมก็ยังไม่ได้พูดถึงพระองค์เลย ไม่ใช่เพราะพระองค์ไม่สำคัญ เราจะไม่มีทางเชื่อได้เลยถ้าไม่มีพระองค์ช่วย ผมเชื่อว่าการรู้รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าทำให้คุณเชื่อนั้นไม่สำคัญ แต่การปฏิเสธสิ่งนี้หลังจากที่คุณได้รู้แล้วจะค่อยๆ ทำลายองค์ความรู้ที่จำเป็นและสำคัญไปทีละน้อย
นั่นคือคำตอบที่อาจารย์จอห์นตอบเมื่อไม่นานมานี้ และเพื่อความต่อเนื่องหลังจากที่ได้ฟังการพูดคุยในเรื่องที่สำคัญมากๆ เรื่องนี้ ท่านสามารถรับฟังตอนที่มีชื่อว่า “พระเยซูเป็นทางเดียวที่ช่วยให้รอด จริงๆ หรือ?” ในเวบไซต์ของเราได้พร้อมกับตอนอื่นๆ อีกมากมายด้วย ท่านสามารถดาวโหลดแอปพลิเคชัน Ask Pastor John ได้ฟรีสำหรับทั้งระบบ iOS และ Android และอย่าลืมอัพเดตแอปเพื่อรับฟีเจอร์และใหม่ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและเข้าถึงตอนต่างๆ ด้วยครับ ผม โทนี่ แรงค์กี แล้วพบกันใหม่ครับ
Ask Pastor John (Thai): “What Must I Believe to Be Saved?”