ศิษยาภิบาลหลายคนมักจะถามผมว่า “เราต้องทำยังไงให้คริสตจักรของเราเปลี่ยน?” ผู้รับใช้หลายคนทำให้คริสตจักรของตัวเองแตกแยกเพราะพวกเขาต้องการที่จะนำการเปลี่ยนแปลงเข้ามา บางคนก็ถูกไล่ออก
กระนั้น ในฐานะผู้เลี้ยงแกะเราต้องนำคริสตจักรของเราเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงแบบนี้จะเป็นเรื่องยากอยู่บ่อยครั้ง ต่อไปนี้คือคำแนะนำของวิธีที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง นั่นคือจงสั่งสอน จงคงอยู่ และจงรัก
จงสั่งสอนเพื่อการเปลี่ยนแปลง
ประการแรก ความคิดต่างๆ เกี่ยวกับคริสตจักรของเราควรมาจากพระคัมภีร์ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ธรรมาสน์เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงคริสตจักร โดยทั่วไปแล้วการเทศนาแบบอรรถาธิบายพระคัมภีร์เป็นประจำคือวิธีที่พระวิญญาณของพระเจ้าทำงานในใจมนุษย์
จงอธิษฐานว่าพระเจ้าจะทรงสอนสมาชิกคริสตจักรของคุณผ่านทางการเทศนาของคุณว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนอย่างไร อัศจรรย์มากที่บ่อยครั้งเราที่เป็นศิษยาภิบาลอยากแก้ไขปัญหาก่อนที่เราจะใช้เวลามานั่งอธิบายว่าปัญหาคืออะไรเสียอีก!
ศิษยาภิบาลจำนวนมากพยายามบังคับให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในคริสตจักร (ซึ่งมักจะปกป้องการบังคับนั้นโดยอ้างการเป็นผู้นำของเขา) เมื่อพวกเขาควรพยายามที่จะแจ้งให้คริสตจักรรับทราบแทน เพื่อนๆ ผู้รับใช้ครับเราควรจะเลี้ยงดูแกะที่พระเจ้าได้มอบหมายให้กับเราไม่ใช่ไปทุบตีแกะพวกนั้น จงสั่งสอนลูกแกะเหล่านั้น
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่คุณมองเห็นนั้นถูกต้อง แต่ก็มีคำถามว่าจังหวะเวลานั้นเหมาะสมไหม ความถูกต้องไม่ใช่ใบอนุญาตให้ดำเนินการในทันทีซึ่งสิ่งนี้นำผมไปสู่ประเด็นที่สอง
จงคงอยู่เพื่อการเปลี่ยนแปลง
ความคิดที่ต้องผูกติดอยู่กับสถานที่แห่งเดียวกำลังหายไปในที่ทำงานและที่บ้านแล้ว แนวทางของคนยุคใหม่ไม่ใช่การไต่เต้าบันไดองค์กรที่กรุยทางไว้พร้อมกับเดินไปอย่างระมัดระวังบนทางเพียงไม่กี่สายซึ่งมีอย่างจำกัด แต่เป็นเหมือนกับชิ้นส่วนเล็กๆ ของโอกาสในโลกออนไลน์พร้อมด้วยทางเลือกต่างๆ ที่ดูเหมือนจะกระจายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดมากกว่า เราถูกสอนว่าต้องให้คุณค่ากับประสบการณ์ที่หลากหลายและเข้าใจว่าแต่ละประสบการณ์ต่างก็เสริมสร้างกันและกันมากยิ่งขึ้น
เราในฐานะอาจารย์และศิษยาภิบาลจำเป็นต้องสร้างแนวทางที่แตกต่างขึ้นมาในคริสตจักรของเรา เราจำเป็นต้องสอนพวกเขาว่าการผูกพันตัวคือสิ่งที่ดีไม่ว่าจะเป็นการผูกพันตัวในชีวิตแต่งงานและครอบครัวของเรา ในเพื่อนๆ และความเชื่อของเรา หรือในคริสตจักรและหมู่บ้านของเรา มันคือความมุ่งมั่นในระยะยาวแบบนี้ (คิดแบบหลายสิบปี ไม่ใช่หลายเดือน) ที่ทำให้เราจะสามารถช่วยให้คริสตจักรของเราจัดลำดับความสำคัญอย่างถูกต้องได้
ในฐานะศิษยาภิบาล พลังอันยิ่งใหญ่ในการช่วยสมาชิกคริสตจักรของคุณให้เปลี่ยนแปลงไม่ได้มาจากบุคลิกภาพที่รุนแรงแต่มาจากหลายปีของการสั่งสอนอย่างซื่อสัตย์และอดทน การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เกิดขึ้นในปีนี้อาจจะเกิดขึ้นในปีหน้าหรือในอีกสิบปีข้างหน้าก็ได้
ด้วยเหตุนี้ จงเลือกการต่อสู้ของคุณอย่างชาญฉลาดโดยการจัดลำดับความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นมากกว่าให้มาก่อนอีกอัน การเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นเรื่องไหนที่จำเป็นมากที่สุดในตอนนี้? เรื่องไหนที่รอได้? โดยทั่วไปแล้วศิษยาภิบาลต้องเรียนรู้ที่จะคิดแบบผู้ใหญ่และคิดในระยะยาว
การเป็นศิษยาภิบาลนานหลายปีช่วยตัวศิษยาภิบาลเองด้วย ช่วงเวลาเหล่านี้ช่วยเขาจากการมาพร้อมกับวิธีการต่างๆ นาๆ ทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ด้วยวิธีของเขาเองสักสองสามปีจากนั้นก็ย้ายไปทำที่อื่นต่อ โดยทั่วไปแล้วยิ่งเราอยู่นานเท่าไหร่เราก็ยิ่งต้องไม่เสแสร้งมากขึ้นเท่านั้นและนั่นเป็นผลดีต่อจิตวิญญาณของเราและคนที่เรารับใช้ด้วย
หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงคือการอยู่ในคริสตจักรเดียวนานพอที่จะสอนสมาชิกคริตจักร ถ้าหากคุณไม่มีแผนที่จะอยู่ต่อก็จงระวังให้ดีก่อนที่จะเริ่มบางอย่างที่คนต่อไปต้องมาทำต่อให้เสร็จ อย่าทิ้งไปในสภาพที่คริสตจักรมีใจแข็งกระด้างต่อคุณ หรือต่อผู้ที่มาสานต่องานของคุณ หรือต่อการเปลี่ยนแปลงเอง
ในฐานะที่เป็นนักศึกษาพระคัมภีร์ที่อายุน้อยคนหนึ่ง ผมยกให้ผู้รับใช้สามท่านจากคณะแองกลิกันแห่งเคมบริดจ์เป็นแบบอย่างกับผม ทั้งสามมีพันธกิจแห่งการสอนพระคัมภีร์แบบอรรถาธิบายในเมืองสำคัญๆ เป็นเวลานานหลายปี ได้แก่ ริชาร์ด ซิบบ์ (ในเมืองเคมบริดจ์และลอนดอน 30 ปี) ชาร์ลส์ ซีเมียน (ในเมืองเคมบริดจ์ เป็นเวลากว่า 50 ปี) และจอห์น สตอทท์ (ในเมืองลอนดอน เป็นเวลากว่า 50 ปี) โดยพระคุณพระเจ้า ชายทั้งสามได้สร้างคริสตจักรที่พวกเขารับใช้ขึ้นและส่งผลกระทบต่อผู้รับใช้รุ่นต่อไปด้วยความซื่อสัตย์ที่มีมาอย่างยาวนานของพวกเขา
จงรักเพื่อการเปลี่ยนแปลง
เพื่อที่จะปรารถนาการเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้อง ที่จะสอนพวกเขาถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น และเพื่อที่จะอยู่ได้นานพอ คุณต้องมีความรัก คุณต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้าและคนเหล่านั้นที่พระเจ้ามอบให้คุณ
เคลเมนท์แห่งโรม เคยกล่าวไว้ว่า “พระคริสต์ทรงเป็นของคนที่มีใจถ่อม ไม่ใช่คนเหล่านั้นที่ยกตัวเหนือฝูงแกะของพระองค์” ความรักทำให้เกิดการเอาใจใส่ด้วยความอดทนที่จะนำให้สมาชิกคริสตจักรหันเข้าหาพระคำของพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า
การที่คริสตจักรของโจนาธาน เอ็ดเวิร์ด ไล่เขาออกก็ไม่ได้ลดความซื่อสัตย์ของเขาให้น้อยลงเลย พวกเราบางคนมีช่วงเวลาของการเป็นศิษยาภิบาลที่สั้นและซื่อสัตย์ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมกำลังพูดถึงในที่นี้ ด้วยงานเขียนสั้นๆ ชิ้นนี้ผมเพียงแค่พยายามที่จะจุดประกายความคิดของคุณเกี่ยวกับวิธีการที่โดยการสั่งสอน การคงอยู่ และการรัก คุณอาจนำการเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้องตามพระคัมภีร์มาสู่คริสตจักรของคุณได้
โดย มาร์ค เดเวอร์