Saphan Siam

ทำไมพระเจ้าถึงเรียกฉันว่า “ผู้ช่วย”?

ปัญหายุคใหม่เกี่ยวกับความเป็นผู้หญิง

แต่อาดัมยังไม่พบผู้อุปถัมภ์ที่เหมาะสมเท่าเทียมกับเขา (ปฐมกาล 2:20)  ผู้อุปถัมภ์หรือผู้ช่วย  ผู้หญิงมากมายจากยุคของเราไม่พอใจกับคำๆ นี้ กับการอธิบายตำแหน่งแห่งการทรงเรียกของเรานี้จากพระเจ้า  ชัดเจนว่าผู้ช่วยไม่ใช่คนที่มีอำนาจ ผู้ช่วยมักจะไม่ใช่ศูนย์กลางของความสนใจ ผู้ช่วยอาจจะรู้สึก (อย่างถูกต้อง) ว่าเธอเองก็มีของประทานและความสามารถที่ทำให้เธอสามารถทำงานได้ดีกว่า ผู้ช่วยแทบจะไม่ได้รับการจดจำเพราะงานของเธอ ผู้ช่วยอาจจะรู้สึกว่าเธอเป็นพลเมืองชั้นสอง และเราก็สามารถพูดต่อได้อีกเรื่อยๆ

สมมติฐานเหล่านี้ บางข้อก็อาจเป็นเรื่องจริง บางข้อก็เป็นคำโกหกทั้งหมด แต่ทุกข้อต่างก็หลงประเด็นไป  แต่ละประโยคเบื้องต้นต่างก็มาจากมุมมองของมนุษย์ที่ล้มลงในบาปซึ่งคลุกคลีอยู่กับโลกสมัยใหม่ ไม่มีข้อไหนพยายามอย่างจริงจังที่จะพิเคราะห์ว่าเมื่อพระผู้สร้างทรงออกแบบและกำหนดการทรงเรียกให้กับผู้ชายและผู้หญิง พระองค์ทรงคิดอะไรอยู่

เมื่อพระเจ้าสร้างผู้ชายและผู้หญิง พระองค์ไม่ได้ตั้งใจที่จะยกผู้ชายขึ้นและด้อยค่าผู้หญิงลงราวกับผู้ช่วยหมายถึงผู้ที่ด้อยกว่าด้วยเหตุผลประการใดประการหนึ่ง  พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ผู้ชายและผู้หญิงมาด้วยกันในฐานะจุดสูงสุดแห่งการทรงสร้างทั้งหมดโดยการสร้างทั้งสองตามพระฉายของพระองค์เอง (ปฐมกาล 1:27) พระองค์สร้างพวกเขาขึ้นมาด้วยลักษณะ ความโน้มเอียง และของประทานต่างๆ ที่ต่างและเสริมสร้างกัน ให้พวกเขาขาดกันไม่ได้และเป็นส่วนสำคัญในการทำให้แผนแห่งการให้โลกเต็มไปด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์สำเร็จ

ผู้ช่วยด้วยเกียรติที่เท่าเทียมกัน

คราวนี้ พระเจ้าได้ทรงสร้างผู้ชายขึ้นมาก่อนและมอบหน้าที่ (และความรับผิดชอบ) หลักให้กับผู้ชายในการทำให้แผนการของพระองค์สำเร็จ (ปฐมกาล 2:7, 15-17; 1 ทิโมธี 2:13) เพื่อให้พระเกียรติสิริของพระองค์ขยายออกไป (เอเฟซัส 1:10)  แต่โดยการมอบหน้าที่และความรับผิดชอบหลักให้กับผู้ชาย พระเจ้าทรงมีเจตนาให้อาดัมเป็นพระเจ้าองค์เล็กๆ ที่อาศัยอยู่บนโลกซึ่งอยู่สูงกว่าภรรยาของเขาที่ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายของพระเจ้าด้วยเหมือนกัน อย่างนั้นหรือ?

ไม่เลย ก่อนที่พระเจ้าจะทรงสร้างเอวาจากอาดัม พระองค์ก็ได้ทำให้อาดัมถ่อมใจโดยการเปิดโอกาสให้เขาได้ค้นพบว่าภาระกิจของเขาจะไม่มีทางเป็นไปได้แค่ไหนหากปราศจากความช่วยเหลือ คือความช่วยเหลือจากพระเจ้าและจากมนุษย์  พระเจ้าได้บอกไว้แล้วว่าเป็นเรื่องไม่ดีที่ผู้ชายจะอยู่คนเดียว (ปฐมกาล 2:18) แต่จากนั้นก็แต่งตั้งให้อาดัมเป็นคนตั้งชื่อสัตว์ทั้งหมดซึ่งนำไปสู่การค้นพบที่บอกว่า “ยังไม่พบผู้อุปถัมภ์ที่เหมาะสมเท่าเทียมกับเขา” (ปฐมกาล 2:19-20) จากนั้น ในการสร้างเอวาขึ้นมา คำพูดที่บอกว่า “บัดนี้” ของอาดัมก็แสดงถึงความโล่งใจและความดีใจที่เขารู้สึก (ปฐมกาล 2:23 KJV) อาดัมรู้ว่าเขาต้องการผู้ช่วยสำหรับภาระกิจนี้

เพราะฉะนั้น ผู้หญิงจึงไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในฐานะทาสที่ถูกกดไว้ใต้เท้า แต่ในฐานะเครื่องมือในการเป็นพรต่อพวกเขาเองทั้งคู่  เธอได้เป็น (และยังคงเป็น) หุ้นส่วนสำคัญและเป็นผู้ช่วยในงานอันยิ่งใหญ่ของการทำให้สิ่งทรงสร้างอยู่ภายใต้อำนาจและทำให้พระฉายของพระเจ้าทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดินโลก ซึ่งเป็นการถวายเกียรติซ้อนเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงคู่ควรตลอดไป

คำโกหกอันบิดเบือนที่บอกว่าอาดัมสำคัญกว่า ที่การทรงเรียกของอาดัมหมายถึงอำนาจและสิทธิพิเศษและของเอวาหมายถึงการถูกกดขี่นั้นออกมาจากความเย่อหยิ่งที่ใจมนุษย์ได้ปิดซ่อนไว้ตั้งแต่การล้มลงในบาป  ผู้ชายมักจะมีใจลำพองเพื่อจะนำด้วยอำนาจที่บังคับขู่เข็ญ และผู้หญิงมักจะมีใจลำพองด้วยความโกรธอันชอบธรรมโดยอ้างว่าพวกเธอมีสิทธิ์ที่จะมีอำนาจและสิทธิพิเศษเท่าๆ กับผู้ชาย

แน่นอนว่าอาดัมไม่สามารถรับหน้าที่ (และความรับผิดชอบ) โดยปราศจากความสามารถ (และภาระหน้าที่) ที่สัมพันธ์กันในการทำการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ได้  แต่ตลอดพระคัมภีร์ทั้งเล่ม (โดยเฉพาะในชีวิตของพระเยซู) เราก็ได้เห็นว่าทุกอำนาจบนโลกล้วนอยู่ภายใต้อำนาจของพระเจ้าผู้ชอบธรรมและบริสุทธิ์  การใช้ความสามารถใดๆ ในทางบริสุทธิ์อาจไม่ได้ทำให้ทุกคนถูกใจ แต่สิ่งนี้ก็ไม่ควรจะมีไว้เพื่อรับใช้ตัวเองหรือเพื่อกดขี่ผู้อื่น และการใช้อำนาจนี้ต้องมีความถ่อมใจและการเสียสละเครื่องหมายเป็นอยู่เสมอ  การเป็นผู้นำโดยยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางและใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่นไม่ใช่การทรงเรียกของพระเจ้าเลย และความขุ่นเคืองใจโดยยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางเมื่อถูกเรียกให้เป็นผู้ช่วยหรือผู้อุปถัมภ์ก็ไม่ใช่เหมือนกัน

ความเย่อหยิ่งจากทั้งสองฝ่าย

ณ จุดนี้ ฉันก็คาดไว้แล้วว่าจะมีผู้หญิงบางคนจากยุคนี้อยากจะพูดว่า “แต่การเป็นผู้นำของผู้ชายจากทุกยุคทุกสมัยแทบจะไม่ได้สะท้อนความถ่อมใจและการเสียสละเลยนะ พวกผู้ชายใช้อำนาจในทางที่ผิดและข่มเหงผู้หญิง (และคนอื่นๆ) ในทุกยุค!” ใช่แล้ว พวกเขาทำแบบนั้นจริงๆ และฉันก็ไม่ได้กำลังจะหาข้ออ้างให้กับการกระทำนั้นเลย  ตรงกันข้าม เราปรารถนาและอธิษฐานขอความยุติธรรมเพื่อชีวิตต่างๆ บนโลกนี้ และใจของฉันก็สั่นสะท้านเมื่อได้เห็นพวกผู้ชายใช้อำนาจของตัวเองในทางที่ผิด  หากคุณเชื่อแม้แต่นิดเดียวว่าพระเจ้าผู้ชอบธรรมและบริสุทธิ์จะไม่ให้พวกผู้ชายต้องรับผิดชอบการกระทำที่บาปหนาเช่นนี้แล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณยังไม่คุ้นเคยกับพระเจ้าแห่งพระคัมภีร์เลย  การพิพากษาเป็นเรื่องจริงและกำลังจะมาถึง

ขณะเดียวกัน เราก็ไม่สามารถกล่าวโทษพวกผู้ชายได้โดยไม่ยอมรับว่าพวกผู้หญิงเองก็มีความผิดฐานที่เป็นห่วงเกี่ยวกับภาพลักษณ์ ความก้าวหน้า อำนาจ และบางทีก็แม้แต่ “สิทธิ” ของพวกเธอเองมากกว่าการให้เกียรติพระเจ้าของเราโดยการเป็นคนแบบที่พระเจ้าได้สร้างให้เราเป็นเหมือนกัน  คนของพระเจ้าถูกสร้างขึ้นเพื่อที่จะยอมรับสิทธิพิเศษแห่งการทรงเรียกซึ่งมอบให้โดยพระเจ้าอย่างถ่อมใจ อย่างเสียสละ และอย่างชื่นชมยินดี และรู้สึกดีใจที่ได้สะท้อนความงามและความชอบธรรมของพระเจ้าในการทรงเรียกเหล่านั้น  โอ อยากให้ทั้งบรรดาผู้ชายและผู้หญิงก้มหน้าสำนึกในความผิดและก้มกราบลงในการขอบพระคุณ ขณะที่เรายอมรับความล้มเหลวของเราและพึ่งพาในพระคุณความรักของพระเจ้าผ่านทางพระเยซู

ข้อยกเว้นและกฎ

ถ้าเช่นนั้นเราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อสรุปนี้ได้ คือ พระเจ้าทรงสร้างผู้ชายมาเพื่อให้เป็นผู้นำครอบครัวของเราและคริสตจักรของเรา มีเพียงไม่กี่กรณีในพระคัมภีร์เท่านั้น (วิธีการที่ล่อแหลมในสถานการณ์ที่บีบบังคับ) ที่พระเจ้าทรงเรียกให้ผู้หญิงมาอยู่ในตำแหน่งผู้นำที่ปกติจะถูกมอบให้กับผู้ชาย แต่พระคัมภีร์ก็ไม่ได้บอกว่าพระเจ้าได้เปลี่ยนแผนการดั้งเดิมของพระองค์ไปแล้ว  ตัวอย่างเช่น ไม่มีการบอกเลยว่าหลังจากเดโบราห์แล้วก็มีจำนวนผู้วินิจฉัยหญิงที่เพิ่มขึ้น (ผู้วินิจฉัย 4:1-16) หรือหลังจากที่อาบีกายิลเข้าไปพูดแบบเงียบๆ เพื่อปกป้องชุมชนของเธอจากการตัดสินที่แย่ๆ ของสามีที่ “โง่เขลา” ของเธอ (1 ซามูเอล 25:14-35) และในเวลาต่อมาได้แต่งงานกับดาวิด เธอก็เป็นผู้นำในความสัมพันธ์นั้น

เมื่อพระเยซูเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในพระกิตติคุณเล่มต่างๆ เราก็เห็นว่าผู้หญิงมีส่วนเป็นอย่างมากในพันธกิจของพระองค์และคอยตามติดพันธกิจของพระองค์ (อย่างที่เห็นใน ลูกา 8:1-3) หากจะมีใครที่มีสิทธิ์โดยชอบในการใช้อำนาจบาตรใหญ่และใช้ตำแหน่งเหนือผู้อื่น คงต้องเป็นพระเยซู แต่พระองค์ก็ไม่เคยนำแบบนั้นเลย (มาระโก 10:42-45) เห็นได้ชัดว่าพระองค์ทรงรักและต้อนรับการมีส่วนร่วมในพันธกิจของผู้หญิง อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน พระเยซูก็ไม่ได้เรียกให้ผู้หญิงมาเป็นอัครสาวกสิบสองคนของพระองค์  เปาโลก็เช่นกัน ท่านปฏิบัติต่อผู้หญิงด้วยความนับถืออย่างสูงตลอดการทำพันธกิจของท่านถึงขั้นยกให้ฟีบีเป็นผู้ส่งสารของท่านไปยังคริสตจักรในกรุงโรม (โรม 16:1-2) แต่ก็ชัดเจนว่าท่านไม่ได้แต่งตั้งให้ผู้หญิงเป็นศิษยาภิบาลหรือผู้ปกครองคริสตจักร (1 ทิโมธี 2:12-3:7) 

วิธีของพระเจ้ามักจะสลับกับวิธีของเราเสมอ แต่สิ่งที่เรารู้แน่นอนคือ พระเจ้าไม่ต้องการให้เราทำบาปและกบฏต่อพระองค์ แต่ต้องการให้เรามองเห็นพระปัญญาและความรักซึ่งเกินความเข้าใจที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบของพระองค์ และให้เราอุทิศชีวิตให้กับการทรงเรียกของพระองค์อย่างกระตือรือร้น  เราถวายเกียรติพระเจ้าเมื่อเรามีความเชื่อและเชื่อฟังพระองค์ด้วยความชื่นบานยินดี

เรากำลังช่วยอยู่หรือเปล่า?

พี่สาวและน้องสาวในพระคริสต์คะ เป็นเรื่องวิเศษที่พระเจ้าได้เรียกให้เราเป็นผู้อุปถัมภ์ เราคือผู้ช่วยตามพระฉายของพระเจ้าและเราเท่านั้นที่ถูกสร้างขึ้นพร้อมกับพระฉายของพระเจ้า ช่างเป็นภาระหน้าที่อันบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน!  หากพระเจ้าประทานสามีคนหนึ่งให้กับคุณ คุณก็ถูกสร้างมาอย่างเหมาะสมกับชายคนนี้และถูกสร้างเพื่อให้ช่วยชายคนนี้ที่ได้ทรงมอบหมายให้เป็นผู้นำ  หากคุณ (ยัง) ไม่ได้แต่งงานแต่มีความปรารถนาที่จะแต่งงาน คำว่า “ผู้ช่วยหรือผู้อุปถัมภ์” ก็เป็นเครื่องเตือนใจว่าจงฉลาดและดูให้ดีๆ ก่อนที่จะยอมรับใครเป็นสามี จงเลือกชายที่ยำเกรงพระเจ้าที่คุณจะยินดีช่วยเมื่อเขานำ

หากเราถ่อมใจลงต่อพระเจ้าของเรา เราจะมีโอกาสใช้ความเชื่อ ความคิดสร้างสรรค์ การแยกแยะ ของประทาน และความสามารถต่างๆ ของเราเพื่อมีส่วนร่วม เพื่อเสริมสร้าง และเพื่อหนุนใจสามี ศิษยาภิบาล และผู้ชายที่เป็นผู้นำคนอื่นๆ  หากเรานำหัวใจแบบผู้รับใช้ที่ถ่อมใจและนำความยินดีที่แท้จริงในพระเยซูมาสู่งานที่ได้รับมอบหมายของเรา เราอาจเปลี่ยนพลวัตของความสัมพันธ์และมีส่วนร่วมได้มากกว่าที่เราจะสามารถคิดหรือจินตนาการได้ ใครจะรู้?

เรากำลังช่วยอยู่หรือเปล่า? จิตใจของเราเต็มไปด้วยความไม่พอใจกับการทรงเรียกที่พระเจ้ามอบให้กับเราและรู้สึกอิจฉาคนอื่น หรือเราดีใจที่ได้รับโอกาสที่สำคัญเช่นนี้ในการครอบครองและปกครองร่วมกับผู้ชายของเราภายใต้พระคริสต์? เรากำลังตัดสินแทนที่จะพยายามทำความเข้าใจอยู่หรือเปล่า? เราเป็นคนที่ชอบวิจารณ์แทนที่จะเป็นคนที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจและให้กำลังใจไหม? เราคือคนที่ซื่อสัตย์ในการไว้วางใจว่าพระเจ้าได้ทรงวางตำแหน่งผู้นำที่เป็นผู้ชายไว้ในชีวิตเราเพื่อจุดประสงค์อันดีงามของพระองค์ไหม?

ผู้หญิงทั้งหลาย ให้เราละทิ้งมุมมองอันบิดเบี้ยวของเราเกี่ยวกับความหมายของการเป็นผู้อุปถัมภ์และขอพระเจ้าสำแดงให้เราเห็นว่าพระองค์ได้ทรงวางแผนให้การทรงเรียกนี้เป็นพรต่อเรา ต่อบรรดาผู้ชายในชีวิตเรา ต่อชุมชนของเรา และต่อสิ่งทรงสร้างทั้งหมดอย่างไร  เรามีชีวิตและรับใช้เพื่อทำให้พระองค์ผู้เดียวนั้นพอพระทัย และพระองค์ก็พอพระทัยที่จะทำให้เราเป็นผู้อุปถัมภ์ในแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์  โอ ขอให้เรามีความปีติยินดีในการทรงเรียกนี้

โดย เอเดรียน ซีกอล์


English Version: “Why Would God Call Me Helper?” by Adrien Segal

Categories

Saphan Siam exists to be a bridge between the Thai church and biblical, timely and trusted resources.

Learn More

สองทางชีวิต

ติดตามเรา