เมื่อเร็วๆ นี้มีบทสนทนามากมายในโลกของคริสเตียนกลุ่มอีแวนเจลิคัล เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าคริสเตียนควรนิยามข่าวประเสริฐว่าอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการที่เราควรบอกว่าข่าวประเสริฐเป็นข่าวสารเกี่ยวกับการที่คนบาปสามารถได้รับการอภัยผ่านทางการกลับใจและความเชื่อในพระคริสต์ผู้ถูกตรึงเพียงอย่างเดียว หรือไม่ก็เป็นบางอย่างที่มีความหมายกว้างกว่านั้น บทสนทนา (ซึ่งร้อนระอุในบางครั้ง) ถูกชี้นำโดยคนจากฝั่งหนึ่งว่าคนจากอีกฝั่งกำลัง “ลดทอนคุณค่า” ของข่าวประเสริฐอยู่ และคนจากฝั่งนั้นก็โต้ตอบฝั่งที่กล่าวหาตนว่าที่จริงพวกเขากำลังทำให้ข่าวประเสริฐจืดชืดและขัดขวางคริสตจักรจากงานมิชชั่นที่พระเจ้าได้ทรงมอบหมายให้ทำต่างหาก
สำหรับผมดูเหมือนว่าเราจะสามารถคลี่คลายความสับสนนี้ได้โดยการสังเกตอย่างรอบคอบ ผมเชื่อว่าคนจากสองกลุ่มใหญ่ที่อยู่ในบทสนทนานี้ คือกลุ่มคนที่บอกว่าข่าวประเสริฐคือข่าวดีของการที่พระเจ้าทรงทำให้คนบาปคืนดีกับพระองค์โดยทางการตายแทนของพระเยซู (เรียกฝั่งนี้ว่า ทีม “ก”) และกลุ่มคนที่บอกว่าข่าวประเสริฐคือข่าวดีที่พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนแปลงและสร้างโลกนี้ขึ้นใหม่ผ่านทางพระคริสต์ (ทีม “ข”) ส่วนใหญ่แล้วทั้งสองกลุ่มก็กำลังพูดถึงคนละเรื่องเดียวกันอยู่ พูดอีกแบบคือ ผมไม่คิดว่าทีม ก และทีม ข กำลังตอบคำถามข้อเดียวกันอยู่ แน่นอนว่าทั้งสองต่างก็บอกว่าพวกเขากำลังตอบคำถามที่ว่า “ข่าวประเสริฐคืออะไร?” และเมื่อเป็นอย่างนั้นจึงเกิดความตึงเครียดระหว่างสองคำตอบที่ต่างกัน แต่หากจะดูให้ดีๆ ผมคิดว่าเราจะเห็นได้ว่าทั้งสองตอบคำถามที่ต่างกันและต่างก็ถูกต้องตามพระคัมภีร์เท่าๆ กันด้วย
คำถามทั้งสองข้อคือ
1. ข่าวประเสริฐคืออะไร? กล่าวคือ อะไรคือข่าวสารที่คนๆ หนึ่งต้องเชื่อเพื่อจะได้รับความรอด? และ
2. ข่าวประเสริฐคืออะไร? กล่าวคือ อะไรคือข่าวดีทั้งหมดของคริสตศาสนา?
เมื่อคนในทีม ก ได้ยินคำถาม “ข่าวประเสริฐคืออะไร” เขาก็เข้าใจว่านี่หมายถึง “อะไรคือข่าวสารที่คนๆ หนึ่งต้องเชื่อเพื่อจะรอด?” และเขาก็ตอบคำถามข้อนั้นโดยการพูดถึงการตายแทนคนบาปของพระคริสต์และพูดถึงการทรงเรียกให้กลับใจและเชื่อ
เมื่อคนในทีม ข ได้ยินคำถาม “ข่าวประเสริฐคืออะไร?” เขาก็เข้าใจว่านี่หมายถึง “อะไรคือข่าวดีทั้งหมดของคริสตศาสนา?” และเขาก็ตอบคำถามนั้นโดยการพูดถึงพระประสงค์ของพระเจ้าในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ใหม่ทางพระคริสต์
คงจะพอเข้าใจได้แล้วใช่ไหมว่าเหตุใดจึงมีความตึงเครียดระหว่างสองฝ่าย หากคุณตอบคำถามที่ 1 โดยการพูดถึงการทรงสร้างใหม่ ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าคนจะบอกว่าคำตอบของคุณกว้างเกินไปและคุณได้ผลักให้ไม้กางเขนหล่นออกจากจุดศูนย์กลางของตัวเอง เมื่อบุคคลในพระคัมภีร์ถามคำถามว่า “ข้าพเจ้าต้องทำอย่างถึงจะรอด?” คำตอบที่พวกเขาได้รับคือให้กลับใจและเชื่อในพระเยซู ไม่ใช่อะไรที่เกี่ยวกับการทรงสร้างใหม่ที่จะมาถึง
กระนั้นก็เป็นเรื่องจริงที่บางครั้ง (หรือแม้แต่บ่อยครั้ง) พระคัมภีร์ได้พูดถึง “ข่าวประเสริฐ” ในแง่ของการทรงสร้างใหม่ ดังนั้นเพื่อที่จะตอบคำถาม (ข้อที่ 2) โดยการเพียงแค่พูดถึงการตายแทนคนบาปของพระคริสต์และพูดว่าสิ่งอื่นไม่ได้เป็นข่าวประเสริฐโดยนิยาม (แต่เป็นเพียงนัยสำคัญเท่านั้น) ก็เป็นการตอบที่ค่อนข้างจะแคบไปหน่อยจริงๆ นั่นก็เหมือนกับการบอกว่าพระสัญญาในเรื่องอย่างเช่นการเป็นขึ้นใหม่ของร่างกาย การคืนดีกันระหว่างยิวและคนต่างชาติ สวรรค์ใหม่และโลกใหม่ และพระสัญญาอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่พระคัมภีร์นำเสนอในฐานะของ “ข่าวดี” แห่งคริสตศาสนาด้วยเหตุผลบางอย่าง
สิ่งที่เราจำเป็นต้องเข้าใจคือไม่มีคำถามข้อไหนในสองข้อนี้ที่ผิดหรือถูกต้องตามพระคัมภีร์มากกว่าคำถามอีกข้อ พระคัมภีร์ได้ตั้งคำถามและตอบคำถามทั้งสองข้อนี้ ผมขอแสดงให้คุณเห็นจากพระคัมภีร์ว่าเหตุใดผมจึงคิดว่าทั้งสองคำถามที่กล่าวมานั้นเป็นคำถามที่สมเหตุสมผลและถูกต้องตามพระคัมภีร์
เท่าที่ผมได้อ่าน ดูเหมือนว่าพระคัมภีร์จะใช้คำว่า “ข่าวประเสริฐ” ในสองแบบที่ต่างกันแต่ก็เกี่ยวข้องกันอย่างมากด้วย บางครั้งพระคัมภีร์ใช้คำว่า “ข่าวประเสริฐ” ในแบบที่กว้างมาก คือใช้เพื่ออธิบายคำสัญญาทั้งหมดที่พระเจ้าเจตนาจะให้สำเร็จในพระคริสต์ ไม่เพียงแต่การอภัยบาปเท่านั้นแต่รวมถึงทุกสิ่งที่ออกมาจากการอภัยนั้นด้วย อันได้แก่การสถาปนาอาณาจักรของพระองค์ สวรรค์และโลกใหม่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มีหลายครั้งที่มีการใช้คำว่า “ข่าวประเสริฐ” ในแบบที่แคบมากๆ ด้วยคือใช้เพื่ออธิบายอย่างเจาะจงถึงการอภัยผ่านทางการตายแทนและการเป็นขึ้นจากตายของพระคริสต์ ในกรณีเหล่านี้ดูเหมือนว่าพระสัญญาแบบที่ครอบคลุมมากกว่าจะไม่ใช่สิ่งที่กล่าวถึงมากนัก
ต่อไปนี้คือจุดที่ผมคิดว่าพระคัมภีร์ใช้คำว่า “ข่าวประเสริฐ” ในความหมายที่แคบที่เห็นได้ชัดที่สุด:
1. กิจการ 10:36-43 “เรื่องราวที่พระเจ้าทรงมีไปถึงประชากรอิสราเอลซึ่งเป็นการแจ้งข่าวแห่งสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์ผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง….ผู้เผยพระวจนะทั้งปวงล้วนยืนยันเกี่ยวกับพระองค์ว่า ทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยบาปโดยทางพระนามของพระองค์”
เปโตรกล่าวว่าข่าวประเสริฐที่ท่านประกาศเป็นข่าว “แห่งสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์” ซึ่งท่านหมายถึงข่าวดีซึ่ง “ทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยบาปโดยทางพระนามของพระองค์” โดยเฉพาะ
2. โรม 1:16-17 “ข้าพเจ้าไม่ได้ละอายในข่าวประเสริฐ เพราะข่าวประเสริฐคือฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด คนยิวก่อน แล้วคนต่างชาติด้วย เพราะในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมจากพระเจ้าก็ได้รับการเปิดเผย เป็นความชอบธรรมซึ่งเริ่มต้นด้วยความเชื่อและนำไปสู่ความเชื่อ ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่า ‘คนชอบธรรมจะดำรงชีวิตโดยความเชื่อ’”
เปาโลให้คำนิยามของข่าวประเสริฐในแง่ของ “ความรอด” และความชอบธรรมของพระเจ้าที่ได้รับการเปิดเผยโดยทางความเชื่อ เห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้นในพระธรรมโรมตอนที่เหลือว่าตรงนี้ท่านกำลังพูดถึงเรื่องการอภัยบาป (การถูกนับเป็นคนชอบธรรม) โดยทางความเชื่อไม่ใช่โดยการกระทำ จุดโฟกัสของเปาโลในพระธรรมโรมไม่ใช่เรื่องอาณาจักรที่กำลังจะมาถึงแต่เป็นการที่คนๆ หนึ่งจะเข้าส่วนในอาณาจักรนั้นได้อย่างไร และท่านเรียกสิ่งนั้นว่า “ข่าวประเสริฐ”
3. 1 โครินธ์ 1:17-18 “เพราะพระคริสต์ไม่ได้ส่งข้าพเจ้ามาเพื่อให้บัพติศมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ ไม่ใช่ด้วยวาทะคมคายตามสติปัญญาของมนุษย์เพราะเกรงว่าไม้กางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์อำนาจ คนที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องราวของไม้กางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่พวกเราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า”
4. 1 โครินธ์ 15:1-5 “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าอยากเตือนท่านให้ระลึกถึงข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่าน ซึ่งท่านได้รับไว้และตั้งมั่นอยู่บนฐานนี้ ถ้าท่านยึดมั่นในถ้อยคำที่ข้าพเจ้าประกาศแก่ท่าน ท่านก็จะรอดโดยข่าวประเสริฐนี้ มิฉะนั้นท่านก็เชื่อโดยเปล่าประโยชน์เพราะเรื่องที่ข้าพเจ้าได้รับมานั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และข้าพเจ้าได้ถ่ายทอดให้ท่านคือ พระคริสต์ทรงวายพระชนม์เพราะบาปของเราตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ ทรงถูกฝังไว้และในวันที่สามพระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตายตามที่พระคัมภีร์ระบุไว้ และทรงปรากฏแก่เปโตร จากนั้นปรากฏแก่อัครทูตทั้งสิบสองคน”
ข่าวประเสริฐที่เปาโลประกาศแก่พวกเขาและข่าวประเสริฐที่พวกเขารับไว้คือ “พระคริสต์ทรงวายพระชนม์เพราะบาปของเรา… ทรงถูกฝังไว้….(และ) เป็นขึ้นจากตาย” การเอ่ยถึงการปรากฏซึ่งเขียนต่อกันไม่ควรถูกนำมารวมอยู่ในฐานะส่วนหนึ่งของ “ข่าวประเสริฐ” ราวกับว่าเราต้องบอกคนอื่นก่อนว่าพระเยซูได้ทรงปรากฏแก่เปโตร อัครทูตทั้งสิบสอง และยากอบ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับว่าไม่ได้บอกข่าวประเสริฐกับพวกเขาเลย คำอ้างอิงเหล่านั้นมีจุดประสงค์เพื่อที่จะแสดงการเป็นขึ้นจากตายให้เห็นในฐานะของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและเป็นประวัติศาสตร์
ต่อไปนี้คือจุดที่ผมคิดว่าพระคัมภีร์ใช้คำว่า “ข่าวประเสริฐ” ในความหมายที่กว้างอย่างเห็นได้ชัดที่สุด:
1. มัทธิว 4:23 “พระเยซูเสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของพวกเขา ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวงในหมู่ประชาชน”
นี่เป็นครั้งแรกที่มีการเอ่ยถึงคำว่า “ข่าวประเสริฐ” ในบันทึกของมัทธิว ดังนั้นเราควรคาดหวังว่าจะได้เห็นรูปร่างสำหรับคำๆ นี้ชัดขึ้น เพื่อที่จะเติมเนื้อหาให้กับหัวข้อเทศนา “ข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักร” ที่พระเยซูได้ประกาศเราต้องย้อนกลับไปดูที่ข้อ 17 ที่มีการพูดถึง “อาณาจักร” เป็นครั้งแรก ที่นั่นมีการบันทึกว่าพระเยซูกำลังเทศนาว่า “จงกลับใจใหม่เพราะอาณาจักรสวรรค์มาใกล้แล้ว!”
ข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรที่พระเยซูเทศนาคือข่าวที่บอกว่า
ก) อาณาจักรได้เริ่มต้นแล้ว และ ข)คนที่กลับใจสามารถเข้าไปในนั้นได้
2. มาระโก 1:14-15 “หลังจากยอห์นถูกขังคุก พระเยซูเสด็จสู่แคว้นกาลิลี ทรงประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า ‘ถึงเวลาแล้ว อาณาจักรของพระเจ้ามาใกล้แล้ว จงกลับใจใหม่และเชื่อข่าวประเสริฐ!’”
โดยการยกเว้นข้อแรกสุดของพระธรรมนี้ นี่คือที่แรกที่ใช้คำๆ นี้ในบันทึกของมาระโก “ข่าวประเสริฐของพระเจ้า” ที่พระเยซูประกาศคือ “ถึงเวลาแล้ว อาณาจักรของพระเจ้ามาใกล้แล้ว จงกลับใจใหม่และเชื่อข่าวประเสริฐ!”
ข่าวประเสริฐของพระเจ้าคือข่าวที่บอกว่า
ก)อาณาจักรได้เริ่มต้นแล้ว และ ข)คนที่กลับใจสามารถเข้าไปในนั้นได้
3. ลูกา 4:18 “พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้าเพราะพระองค์ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่ผู้ยากไร้ พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาประกาศอิสรภาพแก่ผู้ถูกจองจำ และให้คนตาบอดมองเห็น ให้ปลดปล่อยผู้ที่ถูกกดขี่…”
นี่คือข้อความจากพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมที่พระเยซูใช้เพื่อเปิดตัวพันธกิจในที่สาธารณะของพระองค์ ผมคิดว่าคำว่า “ข่าวดี” (อย่างที่ถูกใช้ใน อิสยาห์ 61) นั้นกำลังหมายถึงการสถาปนาการปกครองแห่งอาณาจักรของพระเจ้าอย่างเต็มรูปแบบ
4. กิจการ 13:32-33 “พวกเราแจ้งข่าวประเสริฐนี้แก่ท่าน คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับเหล่าบรรพบุรุษของเรา พระองค์ได้ทรงกระทำให้สำเร็จแล้วเพื่อพวกเราผู้เป็นลูกหลานของคนเหล่านั้นโดยทรงให้พระเยซูเป็นขึ้น..”
ข้อ 38 นั้นชัดเจนมากๆ ว่าข่าวดีที่เปาโลได้นำมาให้คือการอภัยโทษบาปโดยทาง “พระเยซูนี้” แต่ในข้อ 32 “ข่าวประเสริฐ” ได้ถูกกล่าวถึงด้วยว่าเป็น “สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับเหล่าบรรพบุรุษของเรา พระองค์ได้ทรงกระทำให้สำเร็จแล้ว…โดยทรงให้พระเยซูเป็นขึ้น” แน่นอนว่าพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อเหล่าบรรพบุรุษ (ซึ่งเดี๋ยวนี้สำเร็จแล้วในพระเยซู) นั้นรวมถึงการอภัยบาปแต่ก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นั้นใช่ไหม?
ดังนั้น เมื่อค่อยๆ สังเกตดูอย่างระมัดระวัง สำหรับผมแล้วดูเหมือนคำว่า “ข่าวประเสริฐ” จะถูกใช้ทั้งในความหมายที่กว้างและความหมายที่แคบ ความหมายในแบบที่กว้างอย่างที่เห็นใน มัทธิว 4, มาระโก 1, ลูกา 4 และ กิจการ 13 คำนี้พูดถึงคำสัญญาทั้งหมดที่ทำกับเราผ่านทางการงานของพระเยซู ไม่เพียงแต่การอภัยบาปเท่านั้น แต่รวมถึงการเป็นขึ้นจากตาย การคืนดีกับพระเจ้าและผู้อื่น การชำระให้บริสุทธิ์ การรับศักดิ์ศรี อาณาจักรที่กำลังจะมาถึง สวรรค์และโลกใหม่ด้วย เป็นต้น คุณอาจกล่าวได้ว่าในกรณีเหล่านี้ “ข่าวประเสริฐ” พูดถึงพระสัญญาทั้งหลายของพระเจ้าซึ่งได้รับการรับประกันแล้วผ่านทางชีวิตและการงานของพระคริสต์ เราอาจเรียกความหมายในแบบที่กว้างนี้ได้ว่าข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักร ส่วนในกรณีสำหรับความหมายในแบบที่แคบอย่างที่เราเห็นใน กิจการ 10, พระธรรมโรมทั้งเล่ม, 1 โครินธ์ 1 และ 1 โครินธ์ 15 “ข่าวประเสริฐ” พูดอย่างเฉพาะเจาะจงถึงการตายเพื่อชดใช้บาปและการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูและพูดถึงการทรงเรียกให้ทุกคนกลับใจและเชื่อในพระองค์ เราอาจเรียกความหมายในแบบที่แคบนี้ได้ว่าข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขน
คราวนี้ผมขออธิบายอะไรอีกสองอย่างให้ชัดเจน ประการแรก ในการใช้งานในแบบที่กว้างของ “ข่าวประเสริฐ” จำเป็นต้องรวมการใช้งานในแบบที่แคบด้วย ให้ดูตัวอย่างเหล่านี้จากพระธรรมมัทธิวและมาระโก พระเยซูไม่ได้เพียงแค่ประกาศการเริ่มต้นของอาณาจักรเหมือนอย่างที่หลายคนได้กล่าวไว้ พระองค์ประกาศการเริ่มต้นของอาณาจักรและประกาศวิธีที่จะเข้าไปในอาณาจักรนั้นด้วย ดูตรงนี้ให้ดีคือพระเยซูไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐโดยการกล่าวว่า “อาณาจักรสวรรค์มาถึงแล้ว!” จบ แต่พระองค์ประกาศข่าวประเสริฐว่า “อาณาจักรสวรรค์มาถึงแล้ว ดังนั้นจงกลับใจและเชื่อ!” นี่แหละที่สำคัญ ความแตกต่างระหว่างข่าวประเสริฐและสิ่งที่ไม่ใช่ข่าวประเสริฐที่แท้จริงก็คือ การประกาศการเริ่มต้นของอาณาจักรและการทรงสร้างใหม่และทั้งหมดที่เหลือโดยไม่ประกาศว่าผู้คนจะเข้าไปในนั้นได้อย่างไร (โดยการกลับใจและรับการอภัยบาปทางความเชื่อในพระคริสต์และการตายเพื่อชดใช้บาปของพระองค์) คือการประกาศสิ่งที่ไม่ใช่ข่าวประเสริฐ อันที่จริง นี่คือการประกาศข่าวร้ายเนื่องจากคุณไม่ได้ให้ความหวังของการได้เข้าส่วนในการทรงสร้างใหม่กับผู้คนเลย ข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรไม่ใช่การเพียงแค่ประกาศเกี่ยวกับอาณาจักรเท่านั้น แต่คือการประกาศเกี่ยวกับอาณาจักรพร้อมกับการประกาศว่าผู้คนสามารถเข้าไปในนั้นได้โดยการกลับใจและการเชื่อในพระคริสต์
ประการที่สอง นี่เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การสังเกตเป็นอย่างยิ่ง ขอพูดอีกครั้งว่าพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่เรียกข่าวสารที่แคบและเจาะจงของการอภัยบาปโดยทางพระคริสต์ว่า “ข่าวประเสริฐ” ดังนั้น คนที่โต้เถียงประมาณว่า “ถ้าหากคุณเทศนาเพียงแค่เรื่องการอภัยบาปผ่านทางพระคริสต์ และไม่ได้พูดถึงเจตนาในการสร้างโลกใหม่ของพระเจ้า คุณก็ไม่ได้กำลังเทศนาข่าวประเสริฐเลย” คือคนที่ผิด ทั้งเปาโลและเปโตร (แค่เอ่ยถึงชื่อเพราะตัวอย่างข้างต้น) ก็ดูเหมือนจะเต็มใจที่จะบอกว่าพวกเขาได้เทศนา “ข่าวประเสริฐ” แล้วหากพวกเขาได้บอกผู้คนเกี่ยวกับการอภัยบาปโดยทางการตายแทนของพระเยซู แค่นั้นจบ
หากพระคัมภีร์ใหม่ใช้คำว่า “ข่าวประเสริฐ” ทั้งในความหมายที่กว้างและแคบจริง ถ้าอย่างนั้นเราจะสามารถเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างความหมายทั้งสองอย่างนี้ได้อย่างไร คือระหว่างข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรและข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขน? นั่นคือคำถามต่อไป และเมื่อเราได้คำตอบในเรื่องนั้นแล้วผมคิดว่ามันจะช่วยให้ความกระจ่างกับเราเกี่ยวกับคำถามที่สำคัญๆ มากขึ้น
แล้วข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรและข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนเกี่ยวข้องกันอย่างไร? ผมได้โต้แย้งไปแล้วว่าข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรจำเป็นต้องมีข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนรวมอยู่ในนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ที่เจาะจงกว่านั้นคือข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรหรือเป็นอะไรที่มากกว่านั้น? ข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนเป็นศูนย์กลาง เป็นสิ่งที่พ่วงมาด้วย เป็นหัวใจ หรือเป็นอย่างอื่นของข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรกันแน่? และสำหรับเรื่องนั้น เหตุใดผู้เขียนพระคัมภีร์ใหม่จึงเต็มใจที่จะใช้คำว่า “ข่าวประเสริฐ” กับพระสัญญาที่เจาะจงของการอภัยบาปโดยทางความเชื่อในพระคริสต์และไม่ใช่กับพระสัญญาที่เจาะจงข้ออื่นๆ ที่รวมอยู่ในข่าวประเสริฐแบบกว้าง? ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นเปาโลพูดว่า “และนี่คือข่าวประเสริฐของผม คือมนุษย์สามารถคืนดีกันได้!”?
ผมคิดว่าเราสามารถหาคำตอบของทุกคำถามเหล่านั้นได้โดยการตระหนักว่าข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนมิได้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักร แต่ข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนคือประตูทางเข้า คือบ่อน้ำพุ และจะว่าไปก็เป็นแม้แต่เมล็ดพันธุ์ของข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรด้วย เมื่ออ่านพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ทั้งเล่มแล้วคุณจะตระหนักได้ทันทีว่าข่าวสารที่ไม่อาจจะแปลความหมายเป็นอย่างอื่นได้คือการที่คนๆ หนึ่งจะไม่สามารถรับทุกพระพรแห่งอาณาจักรในแบบที่กว้างได้เว้นแต่จะได้รับการอภัยบาปโดยทางความตายของพระคริสต์ก่อน นี่แหละคือบ่อน้ำพุที่ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะพลุ่งตามมา
ผมคิดว่านี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ผู้เขียนพระคัมภีร์จะเรียกบ่อน้ำพุนั้นว่า “ข่าวประเสริฐ” ถึงแม้ว่าในขณะเดียวกันพวกเขาจะเรียกทั้งแพ็คเกจนั้น (รวมถึงการอภัยบาป การนับว่าเป็นผู้ชอบธรรม การเป็นขึ้นจากตาย การทรงสร้างใหม่ และทั้งหมดที่เหลือ) ว่า “ข่าวประเสริฐ” ด้วยก็ตาม เพราะพระพรในแบบที่กว้างของข่าวประเสริฐสามารถบรรลุได้โดยวิธีของแบบที่แคบ (การชดใช้บาป การอภัย ความเชื่อ และการกลับใจ) เท่านั้น และเพราะพระพรเหล่านี้สามารถทำให้สำเร็จได้อย่างถูกต้องและไม่ผิดพลาดโดยวิธีของแบบที่แคบ มันจึงเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้เขียนพระคัมภีร์ใหม่จะเรียกประตูทางเข้า/เมล็ดพันธุ์/พระสัญญาของบ่อน้ำพุนี้ ว่า “ข่าวประเสริฐ”
เป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่งเช่นกันที่คนที่อยู่ในพันธสัญญาใหม่จะเรียกบ่อน้ำพุนี้ว่า “ข่าวประเสริฐ” และในขณะเดียวกันก็ไม่เรียกพระพรที่เฉพาะเจาะจงจากแพ็คเกจของพระพรที่กว้างกว่าอันใดว่าเป็น “ข่าวประเสริฐ” ด้วย ดังนั้น เราจะไม่เรียกการคืนดีกันของมนุษย์ว่าเป็น “ข่าวประเสริฐ” หรือเรียกสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ว่าเป็น “ข่าวประเสริฐ” แต่เราเรียกการยกโทษโดยผ่านทางการชดใช้บาปว่าเป็น “ข่าวประเสริฐ” เพราะนี่คือบ่อน้ำพุและเป็นประตูของสิ่งอื่นๆ ที่เหลือ
มีหลายๆ นัยสำคัญออกมาจากสิ่งนี้
ประการแรก มันคุ้มค่าที่จะพูดอีกครั้งว่า คนที่โต้เถียงว่า “ข่าวประเสริฐ” คือการประกาศเกี่ยวกับอาณาจักรนั้นผิด ข่าวประเสริฐไม่ใช่การประกาศเกี่ยวกับอาณาจักรเท่านั้น แต่เป็น (ความหมายในแบบที่กว้าง) การประกาศเกี่ยวกับอาณาจักรพร้อมกับวิธีที่จะเข้าไปในนั้นด้วย
ประการที่สอง การที่จะบอกว่าข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนไม่ใช่ข่าวประเสริฐหรือเป็นสิ่งที่เล็กน้อยกว่าข่าวประเสริฐนั้นผิด ตราบเท่าที่คำถามคือ “อะไรคือข้อความที่คนๆ หนึ่งต้องเชื่อเพื่อที่จะรอด” ข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนก็คือข่าวประเสริฐ ทั้งพระเยซู เปาโล และเปโตรต่างก็พูดแบบนั้น
ประการที่สาม ที่จะบอกว่าข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรคือข่าวประเสริฐบวกกับสิ่งอื่นหรือบอกว่าเป็นการขัดขวางข่าวประเสริฐของจริงนั้นก็ผิดด้วย ตราบเท่าที่คำถามคือ “อะไรคือข่าวประเสริฐทั้งหมดของคริสตศาสนา” ข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรก็ไม่ใช่ข่าวประเสริฐบวกกับสิ่งอื่นแต่เป็นข่าวประเสริฐ ทั้งพระเยซู เปาโล และเปโตรก็พูดแบบนั้น
ประการที่สี่ เป็นเรื่องผิดที่จะเรียกใครสักคนว่าเป็นคริสเตียนเพียงเพราะเขาคนนั้นกำลังทำสิ่งที่ดีและ “กำลังดำเนินตามแบบอย่างชีวิตของพระเยซูอยู่” การเป็นคริสเตียนคือการเป็นผู้เข้าส่วนในพระพรแห่งอาณาจักรนั้นเรียกร้องให้คนๆ หนึ่งเดินเข้าไปทางประตูก่อน นั่นคือต้องเข้ามาหาพระคริสต์โดยทางความเชื่อ ต้องได้รับการอภัยบาปและได้รับการชดใช้บาปให้ก่อน จอห์น บันยันบอกเล่าเรื่องราวในหนังสือวรรณกรรมคริสเตียนเรื่อง “ปริศนาธรรม” ถึงตัวละครสองคนที่ชื่อนายพิธีนิยมและนายเสแสร้งซึ่งนายคริสเตียนได้พบระหว่างเดินทางไปยังเมืองบรมสุขเกษม อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้สนทนาอยู่ครู่หนึ่งคริสเตียนก็ตระหนักได้ว่าคนพวกนั้นได้ปีนข้ามกำแพงเพื่อจะได้เข้าไปอยู่บนเส้นทางแทนที่จะเดินผ่านมาทางประตู
บทสรุปคือทั้งสองคนนี้ไม่ได้เป็นคริสเตียนไม่ว่าพวกเขาจะนำทางได้ดีแค่ไหน ให้เราลองมาเปลี่ยนชื่อตัวละครสักหน่อย มีคนอีกมากมายที่ต้องรับรู้ว่านายเดินตามพระเยซูและนางเดินตามชีวิตแห่งอาณาจักรนั้นไม่ใช่คริสเตียน ไม่ใช่จนกว่าพวกเขาจะมาหาพระเยซูผู้ถูกตรึงด้วยการกลับใจและการเชื่อเพื่อการอภัยบาปของพวกเขาก่อน คนๆ หนึ่งจะ “ใช้ชีวิตเหมือนพระเยซู” มากเท่าไหร่ก็ได้ แต่จนกว่าเขาจะเดินผ่านประตูแห่งการชดใช้บาป ความเชื่อ และการกลับใจ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ได้มาหาพระคริสต์จริงๆ เขาก็เป็นแค่คนที่ปีนข้ามกำแพงไป
ประการที่ห้า ผมเชื่อว่ามันผิดที่จะพูดว่าคนที่ไม่เป็นคริสเตียน “กำลังทำงานแห่งอาณาจักรของพระเจ้าอยู่” คนที่ไม่เป็นคริสเตียนที่กำลังทำงานแห่งการคืนดีกันหรืองานของความยุติธรรมนั้นกำลังทำสิ่งดี แต่นั่นไม่ใช่งานแห่งอาณาจักรของพระเจ้าเพราะงานนั้นไม่ได้ทำในนามขององค์จอมราชัน ซี.เอส.ลิวอิส พูดผิดในเรื่องนี้ คุณไม่สามารถทำสิ่งดีในนามของทาช (ตัวละครที่เป็นเทพสมมติและเทพอสูรในนวนิยาย “นาเนีย”) และคาดหวังให้อัสลาน (ตัวละครหลัก/สิงโตผู้น่าเกรงขามใน “นาเนีย”) พอใจกับสิ่งนั้นได้
ประการที่หก เป้าหมายสูงสุดของพันธกิจแห่งการสำแดงความเมตตาใด ไม่ว่าจะทำโดยตัวคริสเตียนเองหรือทำโดยคริสตจักรจะต้องทำโดยการชี้ให้โลกกลับไปยังประตูทางเข้านั้น มีหลายอย่างที่สามารถพูดได้ในตอนนี้แต่ผมคิดว่าการเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้อย่างถูกต้องจะสามารถเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังให้แก่ผู้ทำงานมิชชั่นและจะเป็นพยานที่เด่นชัดให้แก่โลกได้ อย่างเช่นเมื่อคุณรีโนเวทร้านตัดผมในนามของพระเยซู คุณก็ต้องบอกเจ้าของร้านว่า (พูดสั้นๆ เพื่อความกระชับ) “ดูสิว่าผมกำลังทำสิ่งนี้เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ใส่ใจในเรื่องความงาม ความมีระเบียบ และความสงบสุข อันที่จริงพระคัมภีร์บอกว่าและผมเชื่อว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะทรงสร้างโลกนี้ขึ้นมาใหม่และจะทรงสถาปนาอาณาจักรที่สีทาบ้านจะไม่มีวันลอกและต้นไม้จะไม่มีวันเฉาตายเลย แต่ (และนี่แหละที่เราจะเข้าเรื่อง) ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรนั้นเนื่องจากความบาปของคุณ นอกเสียจากคุณจะกลับใจและเชื่อในพระคริสต์” จากนั้นคุณก็บอกข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนให้เขาฟัง ถ้าหากคุณเพียงแค่รีโนเวทร้านตัดผมและประกาศการเกี่ยวกับอาณาจักรที่กำลังจะมาถึงคุณก็ยังไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐเลย ข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรคือการประกาศเกี่ยวกับอาณาจักรนั้นรวมถึงวิธีที่จะเข้าไปในนั้นด้วย
ประการที่เจ็ด เหมือนอย่างที่ผมได้โต้แย้งก่อนหน้านี้ ผมเชื่อว่าคริสตจักรหลายแห่งที่ถูกเรียกว่าเป็นคริสตจักรอีเมอร์เจนท์ (สำหรับการยืนกรานว่าข่าวประเสริฐของพวกเขาช่างน่าอัศจรรย์และน่าทึ่งแค่ไหน) นั้นได้พลาดสิ่งที่เป็นความน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ เกี่ยวกับข่าวประเสริฐไปทั้งหมดเลย การที่พระเยซูคือองค์กษัตริย์และได้มาสถาปนาอาณาจักรแห่งความรักและความเมตตานั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย คนยิวทุกคนรู้ดีว่าวันหนึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้น สิ่งที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับข่าวประเสริฐของแท้คือการที่กษัตริย์ผู้เป็นพระเมสสิยาห์ได้สิ้นพระชนม์เพื่อช่วยคนของพระองค์ให้รอด คือการที่ปรากฏว่าพระเจ้าผู้เป็นบุตรมนุษย์ในพระธรรมดาเนียล พระเมสสิยาห์จากวงศ์วานดาวิด และผู้รับใช้ผู้ทนทุกข์ในพระธรรมอิสยาห์ คือชายคนเดียวกัน และยิ่งกว่านั้น ที่สุดแล้วนี่แหละคือวิธีที่เราผูกข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรกับข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนไว้ด้วยกัน พระเยซูไม่ได้เป็นแค่เพียงกษัตริย์แต่เป็นกษัตริย์ที่ถูกตรึง และถัดมาสิ่งที่คริสตจักรอีเมอร์เจนท์ถือว่าเป็นข่าวประเสริฐอันน่าประหลาดใจก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจเลย มันก็แค่เรื่องที่น่าเบื่อ
ประการที่แปด ทุกอย่างที่เราได้กล่าวมาถึงตอนนี้นำไปสู่ข้อสรุปที่ว่าการเน้นข่าวประเสริฐ (Evangelistic) การศึกษาเกี่ยวกับวิธีทำพันธกิจ (Missiological) และการอภิบาล (Pastoral emphasis ) ในยุคปัจจุบันล้วนแต่เป็นของข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขน คือที่บ่อน้ำพุหรือประตูของข่าวประเสริฐ (ในแบบกว้าง) แห่งอาณาจักร นั่นเป็นเพราะสิ่งอื่นที่เหลือไม่อาจทำให้สำเร็จได้และอันที่จริงก็เป็นข่าวร้ายจนกว่าเราจะชี้ให้ผู้คนไปนั่น และไม่เพียงเท่านั้นแต่นี่เป็นยุคที่พระบัญชาของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ทุกคนบนโลกคือ “จงกลับใจและเชื่อ” มีเพียงคำสั่งเดียวเท่านั้นในข่าวประเสริฐ (ไม่ว่าจะเป็นแบบกว้างหรือแคบ) นั่นคือจงกลับใจและเชื่อ นี่เป็นหน้าที่หลักและสำคัญที่สุดของมนุษย์ในยุคนี้ และดังนั้นควรจะเป็นเรื่องหลักและเรื่องสำคัญที่สุดที่เราเน้นในคำเทศนาของเราด้วย
โดย เกรก กิลเบิร์ต