Saphan Siam

การกลับใจเชื่อและเรื่องราวของอิสราเอล

ทุกวันนี้หลายคนเน้นว่าสิ่งที่เรามีในพระคัมภีร์คือเรื่องราวๆ หนึ่งและนั่นก็ถูกต้อง เรื่องราวนี้มักจะถูกมองว่าเป็นเรื่องราว ของการทรงสร้าง การล้มลงในบาป การไถ่ และการบรรลุถึง ความสมบูรณ์ (consummation) เรื่องราวนี้กำลังเดินทาง จากการทรงสร้างไปสู่การทรงสร้างใหม่

แล้วการกลับใจเชื่อหรือการเปลี่ยนความเชื่ออยู่ตรงไหนข องเรื่อง? คำตอบคือ การกลับใจเชื่อคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับการไถ่

แน่นอนว่าการกลับใจเชื่อไม่ใช่หัวข้อหลักในเรื่องราวนี้ สิ่งที่ เป็นศูนย์กลางก็คือเป้าหมายที่ผู้คนได้รับการกลับใจเชื่อ ซึ่ง ก็คือวัตถุประสงค์ที่เราถูกสร้างขึ้นมาด้วย ดังเช่นที่หนังสือ คำสารภาพของเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Confession) ได้บอกว่าเราถูกสร้างขึ้น “เพื่อยกย่องพระเจ้า และมีสามัคคีธรรมกับพระองค์ตลอดไป” โลกใหม่กำลังจะมาถึงและ ณ ที่นั่น เราจะได้ครอบครองร่วมกับพระคริสต์ ตลอดไปและเราจะได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ (วิวรณ์ 22:4)

ในขณะเดียวกัน การกลับใจเชื่อคือรากฐานหนึ่งของเรื่องราวนี้เพราะเราไม่อาจเป็นส่วนหนึ่งของการทรงสร้างใหม่ได้โดย ปราศจากสิ่งนี้ และค่อนข้างจะชัดเจนว่าจากเค้าโครงเรื่องของพระคัมภีร์เราจะสรรเสริญพระเจ้าตลอดไปในเมืองสวรรค์ เพราะการที่ได้ทรงไถ่เรา ช่วยกู้เราจากอำนาจมืด และ รวบรวมเราเข้าไปอยู่ในอาณาจักรของพระบุตรสุดที่รักของ พระองค์ เราจะไม่มีวันลืมงานแห่งการช่วยกู้อันแน่วแน่และ เด็ดเดี่ยวของพระเจ้าในชีวิตเราซึ่งกระทำผ่านไม้กางเขนและการเป็นขึ้นจากตายของพระคริสต์ การงานนี้จะเป็นหัวใจแห่งคำสรรเสริญของเราตลอดไป

เนื่องจากประวัติศาสตร์ของอิสราเอลกินพื้นที่ส่วนใหญ่ในโครงเรื่องพระคัมภีร์ ผมจึงอยากนำเสนอละครเรื่องสั้นที่แสดงให้เห็นว่าเหตุใดการกลับใจเชื่อจึงเป็นรากฐานหนึ่งของเรื่องเรื่องนี้

การกลับใจเชื่อและเรื่องราวของอิสราเอล

ที่จริงประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเริ่มต้นที่อาดัม อาดัมและเอวาถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าโดยการปกครองโลกแทนพระเจ้า (ปฐมกาล 1:26-28) พวกเขาควรจะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในโลกที่ได้ทรงสร้างขึ้น พวกเขา ควรจะใช้อำนาจปกครองโลกภายใต้อำนาจของพระเจ้าโดยการวางใจและเชื่อฟังคำสั่งของพระองค์ แต่พวกเขากลับ กบฏต่ออำนาจของพระเจ้าและนมัสการตัวเองที่ถูกสร้างขึ้น แทนที่จะมอบการสรรเสริญและการขอบคุณแด่พระผู้สร้าง และผลจากการไม่เชื่อฟังคือพวกเขาได้ตาย (ปฐมกาล 2:17) พวกเขาถูกตัดขาดจากพระเจ้านับตั้งแต่วินาทีที่ได้ทำบาปและได้รับการยืนยันว่าจะพบกับความตายนิรันดร์แน่หากไม่กลับใจ

หลังจากที่ทำบาป ความจำเป็นขั้นพื้นฐานของอาดัมและเอวาคือการหันมาพึ่งพาพระเจ้า พวกเขาแทบจะไม่สามารถปกครองโลกนี้แทนพระเจ้าและขยายพระพรของพระองค์ไปยังแผ่นดินโลกได้เลยเมื่อพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระองค์

อย่างไรก็ตาม พระเจ้าก็ได้ทรงสัญญาว่าเชื้อสายของหญิงนั้น จะเอาชนะงูร้าย (พญานาค) และบรรดาเชื้อสายของมัน (ปฐมกาล 3:15) ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติแสดงให้เห็น ถึงความชั่วร้ายอย่างที่สุดของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนเข้ามาในโลกในฐานะบุตรชายและบุตรสาวของอาดัม (โรม 5:12-19) และลูกหลานของงูนั้น (มัทธิว 13:37-38; ยอห์น 8:44; 1ยอห์น 5:19) มีเพียงคนที่ได้มีประสบการณ์กับพระคุณแห่งความรอดของพระเจ้าเท่านั้นที่จะได้รับการปลดปล่อยจากอำนาจของซาตาน เช่นคาอินแสดงให้เห็นว่า เขาอยู่ฝ่ายไหนโดยการฆ่าอาเบลผู้ชอบธรรม (ปฐมกาล 4:1-16)

ความชั่วร้ายมีพลังมากแค่ไหน? เมื่อถึงยุคของโนอาห์มีคนชอบธรรมเพียงแปดคนเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่บนโลก! มนุษย์นั้นชั่วร้ายโดยพื้นฐานและปฐมกาล 6:5 ก็ยืนยันถึงการแพร่กระจายของความบาป ลูกหลานของพญานาคกวัด แกว่งหางไปมาเหนือแผ่นดินโลกแต่พระเจ้าได้ทรงสำแดงความบริสุทธิ์และอำนาจปกครองของพระองค์โดยการทำลาย ล้างคนบาปโดยให้เกิดน้ำท่วม ดังนั้นจึงมีการเริ่มต้นใหม่แต่ ก็แทบจะไม่ได้มีการพัฒนาไปมากเลยเพราะหัวใจของมนุษย์ ยังไม่เคยได้รับการเปลี่ยนแปลง (ปฐมกาล 8:21) สถานการณ์เรื่องหอบาเบล (ปฐมกาล 11:1-9) แสดงให้เห็นว่าการทรงสร้างใหม่ไม่ได้อยู่ใกล้แค่เอื้อม โลกไม่ได้ถูกปกครองโดยมนุษย์ที่รักองค์พระผู้เป็นเจ้า การทรงสร้างใหม่ไม่สามารถมาถึงได้โดยปราศจากหัวใจใหม่

การกระจัดกระจายและการพิพากษามนุษย์ที่หอบาเบลถูกตอบโต้โดยการทรงเรียกอับราฮัม (ปฐมกาล 12:1-3) อีกครั้ง มีชายหนึ่งคนอยู่ในโลกที่ชั่วร้าย แต่ชายคนนี้ถูกพระเจ้า เรียกและได้รับการสัญญาว่าจะอวยพรให้ คานาอันน่าจะเป็นเอเดนแห่งใหม่และอับราฮัมก็เป็นอาดัมคนใหม่ในบางแง่มุมลูกหลานของอับราฮัมจะเป็นลูกๆ ของพระเจ้าและพรซึ่งมอบให้แก่อับราฮัมก็จะขยายออกไปทั่วโลกในที่สุด มนุษย์จะปกครองโลกภายใต้อำนาจปกครองของพระเจ้าอย่างที่อาดัมและเอวาถูกเรียกให้ทำ

ที่น่าจับตาคือเวลาที่ต้องใช้กว่าเรื่องนั้นจะเกิดขึ้น คำสัญญา ไม่ได้ถูกทำให้สำเร็จจนเกือบจะสองพันปี! หนังสือปฐมกาลมุ่งความสนใจไปที่การให้บุตรตามที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้แก่อับราฮัม อิสอัค และยาโคบ คนเหล่านี้ยังไม่ได้รับแผ่นดินคานาอันเป็นมรดกและแน่นอนว่ายังไม่ได้เห็นพระพรขยายออกไปทั่วโลก

จากหนังสืออพยพไปจนถึงเฉลยธรรมบัญญัติเรื่องราวขยับขึ้นไปอีกขั้นโดยการเล่าถึงอิสระภาพของอิสราเอลจากการเป็นทาสในอียิปต์ (อพยพ 1-15) เวลานี้พระเจ้าทรงกำลังทำให้พระสัญญาที่จะให้มีลูกหลานมากมายสำเร็จ ประชากรอิสราเอลกำลังขยายตัวอย่างมากมาย องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลดปล่อยพวกเขาจากอียิปต์เพื่อนำพวกเขาไปยังแผ่นดินซึ่งเป็นเหมือนสวนเอเดนใหม่คือแผ่นดินคานาอัน ในแผ่นดินนี้การปกครองแบบกษัตริย์เหนือประชากรของพระเจ้าจะเกิดขึ้น และประชาชาติทั้งหลายควรจะได้เห็นความชอบธรรม สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของคนที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้า แต่คนรุ่นที่ออกจากอียิปต์ก็ไม่เคยได้เข้าไปในแผ่นดินนั้น (กันดารวิถี 14:20-38) พวกเขาปฏิเสธที่จะวางใจในพระสัญญาของพระเจ้าแม้จะได้เห็นการปลดปล่อยจากอียิปต์อันยิ่งใหญ่ และได้เห็นการอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ของพระเจ้าก็ตาม คนอิสราเอลส่วนใหญ่ที่ ได้รับการช่วยกู้จากอียิปต์ดื้อดึง กบฏ และไม่ได้รู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าจริงๆ (อ่านต่อใน 1 โครินธ์ 10:1-12; ฮีบรู 3:7-4:11) หัวใจของพวกเขาต้องถูกเข้าสุหนัตคือถูกเปลี่ยน ความเชื่อเสียก่อนพวกเขาจึงจะสามารถรักองค์พระผู้เป็นเจ้า และยำเกรงพระองค์ได้ (เฉลยธรรมบัญญัติ 30:6) คือยึดมั่นในพระองค์ในฐานะพระเจ้าของเขาและดำเนินในทางทั้งสิ้น ของพระองค์

บรรดาลูกหลานที่เติบโตขึ้นหลังจากคนรุ่นถิ่นทุรกันดาร ประสบความสำเร็จในจุดที่คนรุ่นก่อนหน้านั้นล้มเหลว โยชูวาและคนอิสราเอลวางใจและเชื่อฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า และพวกเขาได้รับแผ่นดินคานาอันซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับ อับราฮัมเป็นมรดก (โยชูวา 21:45; 23:14) บัดนี้อิสรา เอลพร้อมแล้วที่จะร่อนลงในสวนเอเดนแห่งใหม่ของพวกเขา และพร้อมแล้วที่จะสำแดงความงดงามและสง่าราศีของการได้อยู่ใต้อำนาจปกครองของพระยาห์เวห์ แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ หนึ่งข้อ การเชื่อฟังของอิสราเอลมีอายุสั้น ตามที่มีการบันทึก ในหนังสือผู้วินิจฉัยอิสราเอลไม่ได้กลายมาเป็นพรต่อบรรดาประชาชาติแต่พวกเขาเลียนแบบบรรดาประชาชาติ พวกเขา ถอยหลังกลับสู่วิถีของพวกนอกรีต องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรง ปลดปล่อยผู้คนครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อพวกเขากลับใจ กระนั้น หัวใจของพวกเขาก็ยังไม่เปลี่ยนเพราะพวกเขาชอบกลับไปหาบาปของตัวเองอยู่เรื่อยๆ

อิสราเอลต้องทำอย่างไร? นี่ก็ผ่านไปเกือบ 1,000 ปีแล้วตั้ง แต่พระเจ้าได้ทรงทำสัญญากับอับราฮัม อิสราเอลมีประชากรอย่างเหลือเฟือและได้อาศัยอยู่ในดินแดนนั้นแล้วแต่ยังอี กนานกว่าพระสัญญาเรื่องพระพรที่จะอวยพรทั้งโลกจะสำเร็จ อิสราเอลอยากได้กษัตริย์เพราะเชื่อว่ากษัตริย์จะช่วยปลดป ล่อยพวกเขาจากศัตรูเหมือนที่กษัตริย์ทั้งหลายทำให้กับชนชาติทั้งหลาย (1 ซามูเอล 8:5) เมื่อซาอูลได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์พระองค์ก็เป็นเหมือนอับราฮัมคือเป็นอาดัมคน ใหม่ในบางแง่มุม คือพระองค์ได้รับการเจิมตั้งโดยพระเจ้าเพื่อที่จะปกครองอิสราเอลเพื่อพระเกียรติของพระเจ้า แต่ซาอูลก็กบฏต่อพระเจ้าเหมือนอาดัมและด้วยเหตุนี้จึงถูกปลดจากการเป็นกษัตริย์ (1 ซามูเอล 13:13, 15:22-23) การปกครองขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้เกิดขึ้นจริงภายใต้การปกครองของซาอูล จากนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงเจิมตั้งดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์และที่ต่างไปจากซาอูลพระองค์คือผู้ที่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าท่ีปกครองชนชาติเพื่อพระเกียรติของพระเจ้า (1 ซามูเอล 13:14) กระนั้น การล่วงประเวณีกับบัทเชบาและการฆาตรกรรมอุรียาห์แสดงให้เห็นว่าพระองค์จะไม่ได้เป็นตัวแทนคนนั้นที่ทำให้พระพรของพระเจ้าขยาย ออกไปทั่วโลก (2 ซามูเอล 11)

เมื่อซาโลมอนได้ครองบัลลังก์ ดูเหมือนว่าสวรรค์แห่งการทรง สร้างใหม่จะอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว (1 พงศ์กษัตริย์ 2:13-46) สันติภาพคือเครื่องหมายการปกครองของพระองค์และพระองค์ก็ทรงสร้างพระวิหารอันวิจิตรตระการตาเพื่อองค์พระผู้ เป็นเจ้า (2 พงศ์กษัตริย์ 3-10) ซาโลมอนปกครองประชาชนด้วยสติปัญญาและด้วยความยำเกรงพระเจ้าในตอนต้น แต่พระองค์ก็เอาใจออกห่างองค์พระผู้เป็นเจ้าและหันไปสู่การบูชารูปเคารพ (1 พงศ์กษัตริย์ 11) ผลคือชนชาติ ถูกแบ่งออกเป็นสองชนชาติ คืออิสราเอลในตอนเหนือและยูดาห์ในตอนใต้ (1 พงศ์กษัตริย์ 12) สิ่งที่เกิดขึ้นคือการตรงดิ่งไปสู่ความบาปซึ่งรวมถึงการที่อิสราเอลถูกอัสซีเรียกวาดต้อนไปเป็นเชลย 722 ปีก่อนคริสตกาล และยูดาห์ถูกบาบีโลนกวาดต้อนไปเป็นเชลย 586 ปีก่อนคริสตกาล (2 พงศ์กษัตริย์ 17:6-23, 24:10-25:26) ผ่านไปเกือบ 1,500 ปีตั้งแต่พระเจ้าได้ทรงเรียกอับราฮัม พระสัญญาใน เรื่องดินแดน ลูกหลาน และพรที่ได้ทรงอวยพรแก่อับราฮัมก็ ยังไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นเลย อิสราเอลไม่ได้อาศัยอยู่ในดินแดนนั้นแล้วแต่ถูกเนรเทศไปต่างแดน แทนที่จะกลายเป็นพร ต่อคนทั้งโลกอิสราเอลกลับเป็นเหมือนโลก

ทำไมอิสราเอลจึงถูกกวาดไปเป็นเชลย? ปัญหาคืออะไร? ผู้เผยพระวจนะ/ผู้พยากรณ์หลายคนสอนคนอิสราเอลครั้งแล้ว ครั้งเล่าว่าพวกเขาถูกเนรเทศเพราะความบาปผิดของตัวเอง (ตัวอย่างเช่น อิสยาห์ 42:24-25; 50:1; 58:1; 59:2, 12; 64:5) ในพระธรรมอิสยาห์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาถึงการอพยพครั้งใหม่และการทรงสร้างใหม่ แต่การอพยพครั้งใหม่และการทรงสร้างใหม่จะมาถึงโดยทางการอภัยบาป เท่านั้น (อิสยาห์ 43:25; 44:22) และการอภัยบาปนี้จะเป็น จริงได้โดยทางความตายของผู้รับใช้คนนั้นขององค์พระผู้เป็นเจ้า (อิสยาห์ 52:13-53:12)

ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ก็สอนความจริงเดียวกันเหล่านี้ สิ่งที่อิสราเอลต้องการคือหัวใจที่เข้าสุหนัต (เยเรมีย์ 4:4; 9:25) กล่าวคือ พวกเขาจำเป็นต้องบังเกิดใหม่และกลับใจเชื่อเสีย ก่อน เยเรมีย์พยากรณ์ถึงพันธสัญญาใหม่ที่กำลังจะมาถึงคือพันธสัญญาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะจารึกกฎเกณฑ์ของพระองค์ ลงบนหัวใจคนของพระองค์ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถเชื่อ ฟังพระองค์ได้ (เยเรมีย์ 31:31-34) เช่นเดียวกัน หนังสือ เอเศเคียลรอคอยวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะชำระประชากรของพระองค์จากความบาป คือกำจัดใจหินออกไปและมอบใจเนื้อ ให้พวกเขา (เอเสเคียล 36:25-27) หัวใจใหม่ของพวกเขา จะเป็นผลจากการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และผลคืออิสราเอลจะดำเนินในทางของพระเจ้าและรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์

อิสราเอลได้กลับจากการเป็นเชลย 536 ปีก่อนคริสตกาล แต่พระสัญญาอันยิ่งใหญ่ที่พบในผู้พยากรณ์ก็ยังไม่สมบูรณ์ เสียทีเดียว อิสราเอลต่อสู้ดิ้นรนในสมัยผู้เผยพระวจนะฮักกัย เศคารียาห์ เอสรา เนหะมีย์ และมาลาคี การงานของพระ วิญญาณบริสุทธิ์ที่ได้ทรงสัญญาไว้ยังมาไม่ถึงในขณะนั้น พวกเขากำลังรอคอยกษัตริย์องค์หนึ่ง พวกเขากำลังรอคอย การมาของการทรงสร้างใหม่

จะไม่มีการอวยพรสำหรับอิสราเอลหรือสำหรับโลกหากไม่มีการกลับใจเชื่อ

ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเปิดเผยให้เห็นว่าจะไม่มีการ ชื่นชมยินดีในการทรงสร้างใหม่และการอพยพครั้งใหม่นอก จากจะมีการอภัยบาปและหัวใจที่เข้าสุหนัตเสียก่อน พระสัญญาที่มอบให้กับอับราฮัมไม่ได้สำเร็จเพราะความบาปและการกบฏของอิสราเอล การไม่เชื่อฟังและการปฏิเสธที่จะ ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าคือลักษณะที่เห็นได้ชัดในประวัติ ศาสตร์ของชนชาตินั้นครั้งแล้วครั้งเล่า อิสราเอลมีความ จำเป็นอย่างที่สุดที่ต้องให้ความบาปของตนได้รับการอภัย และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ก็สอนว่าการอภัยเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ผ่านทางผู้รับใช้ที่ทนทุกข์แห่งพระธรรมอิสยาห์ บทที่ 53 แต่อิสราเอลก็ยังต้องการงานที่เหนือธรรมชาติของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อที่จะสามารถรอดได้อีกด้วย อิสราเอล ต้องกลับใจเชื่อก่อน การเปลี่ยนมาพึ่งพระยาห์เวห์คือรากฐานของเรื่องราวแห่งอิสราเอลเพราะพระพรที่สัญญาไว้กับอิสราเอลและโลกจะไม่มีวันเป็นของพวกเขาได้เลยหากปราศจากการกลับใจเชื่อ

โดย โธมัส อาร์. ชไรเนอร


English Version: Conversion and the Story of Israel

Categories

Saphan Siam exists to be a bridge between the Thai church and biblical, timely and trusted resources.

Learn More

สองทางชีวิต

ติดตามเรา