สมมุติว่าวันหนึ่งผมย้ายไปอยู่ประเทศเวียดนามและได้สัญชาติเวียดนาม ถ้าอย่างนั้นนะครับ ผมจะต้องเริ่มใช้ชีวิตตามกฎหมายของประเทศเวียดนาม ผมจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของเวียดนามด้วย เหมือนกันนะครับ เราที่เป็นประชากรในอาณาจักรของพระเยซูเนี่ย ควรจะดำเนินชีวิตเหมือนประชากรของกษัตริย์เยซูด้วย
ในหนังสือโคโลสีบทที่1 เปาโลเขียนถึงชาวโคโลสีว่า “ พระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และทรงย้ายเราเข้ามาไว้ในอาณาจักรของพระบุตรที่รักของพระองค์ ในพระบุตรนั้นเราได้รับการไถ่ คือการยกโทษจากบาปทั้งหลาย” ในพระคัมภีร์ตอนนี้ เราเห็นภาพอาณาจักรอยู่ 2 อาณาจักรด้วยกัน อาณาจักรแรกก็คือ อาณาจักรแห่งความมืด โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ทุกคนอยู่ใต้อำนาจปกครองของมารซาตาน มนุษย์ทุกคนอยู่ในอาณาจักรของความมืด เราเป็นทาสของบาปและไม่สนใจพระเจ้า ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ไม่ยอมจำนนต่อพระเจ้าในฐานะกษัตริย์ของเรา
แต่ว่าผ่านการงานของพระเยซูคริสต์ ในข่าวประเสริฐ พระองค์ได้ย้ายพวกเราออกมาจากอาณาจักรของความมืดหรืออาณาจักรของมารซาตาน ให้เข้ามาอยู่ในอาณาจักรของพระเยซูคริสต์ อาณาจักรของพระเยซูในที่นี้กำลังสื่อสารถึงอาณาเขตฝ่ายวิญญาณที่พระองค์เป็นกษัตริย์ที่พระองค์ปกครอง ตอนนี้คริสเตียนทุกคนอยู่ในอาณาจักรของพระเยซูคริสต์หรือว่าเราอยู่ในอาณาเขตฝ่ายวิญญาณที่พระเยซูครอบครองแล้ว นี่เป็นความจริงที่ควรจะแสดงออกในชีวิตประจำวันของเราด้วย คือถ้าเราอยู่ในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณของพระเยซูคริสต์แล้ว เราควรดำเนินชีวิตเหมือนกับว่าพระเยซูเป็นกษัตริย์ของเราจริงๆ
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือว่า เราควรจะยอมจำนนต่อพระเยซูในทุกด้านชีวิตของเรา การใช้เงินของเรา การเลี้ยงลูกของเรา การเรียนของเรา การทำงานของเรา ความคิดของเรา สิ่งที่เราดูในโทรศัพท์ สิ่งที่เราทำในเวลาว่าง ทั้งหมดนี้ควรจะยอมอยู่ใต้อำนาจปกครองของพระเยซูคริสต์ ทั้งหมดนี้ เราควรถวายให้กับพระเยซูผู้เป็นกษัตริย์ของพวกเรา
ประเด็นก็คือว่า เราอยากให้ชีวิตประจำวันของเรา ความประพฤติของเราสอดคล้องกัน โคโลสี บทที่1:13 พระเยซูหลั่งเลือดของพระองค์เพื่อให้เรามีส่วนร่วมในอาณาจักรนี้ เพราะฉะนั้น เราอย่าบอกว่าการเป็นประชากรของพระเยซูเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเป็นเรื่องใหญ่ ความจริงก็คือว่า ยังมีหลายอย่างในชีวิตของเราที่ในทางปฏิบัติ ดูเหมือนว่าเราเองกำลังครอบครอง เรากำลังตามใจตัวเองในเรื่องนั้น
สำหรับพี่น้องบางคนที่กำลังดูคลิปวีดีโอนี้ อาจจะเป็นเรื่องความเย่อหยิ่งก็ได้ การโอ้อวด การหลอกตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้อง ไม่สมกับอาณาจักรของพระเจ้า ไม่สอดคล้องกับการเป็นประชากรของพระเยซูคริสต์ หรือสำหรับคนอื่นนั้น อาจจะเป็นเรื่องความขี้เกียจหรือความไม่อดทน ความเกลียดชัง การนินทาว่าร้ายคนอื่น เป็นต้น แล้วเราล่ะ อะไรคือสิ่งที่ตอนนี้ไม่สอดคล้อง ไม่สมกับอาณาจักรของพระเจ้า
การเป็นประชากรในอาณาจักรของพระเจ้า เราอยากให้อำนาจปกครองของพระเยซูมีอิทธิพลในชีวิตของเรามากยิ่งขึ้น เราอยากจะรักคนอื่นเหมือนพระเยซูรักเรามากยิ่งขึ้น เราอยากจะอดทนกับคนอื่นเหมือนที่พระเจ้าอดทนกับเรามากยิ่งขึ้น คือเราอยากให้ทุกอย่างในชีวิตของเราเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งเป้าหมายของพระเจ้าสำหรับชีวิตเราแต่ละคน สิ่งที่จะทำให้พระเจ้าได้รับเกียรติผ่านทางชีวิตของเรา คือการสะท้อนลักษณะของพระเยซู หรือพูดง่ายๆก็คือว่าการเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์นั่นเอง ยิ่งเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในพระเยซูมากขึ้นเท่าไหร่ ชีวิตของเราก็จะยิ่งสะท้อนลักษณะของกษัตริย์เยซูมากขึ้นเท่านั้น
ก็ขอพระเจ้าช่วยเราทุกคนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณต่อไป ขอให้เราเติบโตในฐานะประชากรของพระเยซูคริสต์ต่อไป ในสวรรค์เป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในชีวิตของเราด้วย
โดย เดฟ โวทเบิร์ก
Life in the Kingdom of Christ
Imagine one day I move to Vietnam and become a citizen there. Naturally, I would need to start living according to Vietnamese laws and be under the governance of Vietnam. In the same way, we who are citizens of Christ’s kingdom should live as subjects of King Jesus.
In Colossians chapter 1, Paul writes to the Colossians, “He has rescued us from the dominion of darkness and brought us into the kingdom of the Son He loves, in whom we have redemption, the forgiveness of sins.” This passage presents us with two kingdoms. The first is the kingdom of darkness. By nature, all humans are under the dominion of Satan, living in the kingdom of darkness. We are slaves to sin, indifferent to God, disobedient to Him, and unwilling to submit to God as our King.
However, through the work of Jesus Christ in the gospel, we have been transferred from the kingdom of darkness, or Satan’s dominion, into the kingdom of Jesus Christ. The kingdom of Jesus here refers to the spiritual realm where He reigns as King. Now, all Christians are in the kingdom of Jesus Christ, living in the spiritual realm where Jesus rules. This truth should be evident in our daily lives. If we are indeed in the spiritual kingdom of Christ, we should live as if Jesus is truly our King.
In other words, we should submit to Jesus in every aspect of our lives—our finances, parenting, studies, work, thoughts, what we watch on our phones, how we spend our free time. All these should be under the authority of Jesus Christ. Everything we do should be dedicated to Jesus, our King.
The key point is that we want our daily lives and behavior to align with this reality. Colossians 1:13 tells us that Jesus shed His blood so that we might participate in this kingdom. Therefore, let us not think lightly of being citizens of Jesus’ kingdom; it is a serious matter. The truth is, there are still many areas in our lives where, in practice, it seems we are in control, following our own desires.
For some, it might be pride, boasting, or self-deception. These are things that do not align with the kingdom of God or the identity of a citizen of Jesus Christ. For others, it might be laziness, impatience, hatred, or gossiping about others. And what about us? What areas of our lives are not in line with the kingdom of God?
As citizens of God’s kingdom, we should desire that Jesus’ rule influences our lives more and more. We want to love others as Jesus loves us, to be patient with others as God is patient with us. We want every aspect of our lives to align with God’s will. The goal of God for each of our lives, the way He is glorified through us, is by reflecting the character of Jesus. Simply put, it’s about becoming more like Jesus Christ. The more we grow in spiritual maturity, the more our lives will reflect the character of King Jesus.
May God help us all to continue growing in spiritual maturity, to keep growing as citizens of Jesus Christ’s kingdom. As it is in heaven, may it be so in our lives as well.
By David Voetberg